1. นี่มันเว็บอะไรกัน??? ทำความรู้จักคร่าวๆกับ รีวิวบุรี คลิกเลย

Mr.001

ผู้ว่าฯรีวิวบุรี

ผู้ดูแลเมือง
Mr.001 เคลื่อนไหวล่าสุด:
2 พฤศจิกา 2020
  • รีวิวชีวิตดีขึ้นทุกๆด้าน ด้วยการจัดบ้านแค่ครั้งเดียว : จัดบ้านฮาร์ดคอร์

    ให้คะแนน:
    5/5,
    (สุดยอด)
    ข้อเด่น - เหมือนมีเวทมนต์ให้ตัดใจทิ้งของไม่จำเป็นได้ง่ายขึ้น
    ข้อด้อย - หลายประเด็นทำตามได้ยาก
    ช่วงที่หนังสือเล่มนี้วางแผงใหม่ๆ ผมมองแล้วก็เดินผ่านไปอย่างรวดเร็ว คำว่า "จัดบ้าน" มันทำให้โยงไปว่าเป็นหนังสือสำหรับ "แม่บ้าน" แมนๆอย่างผม ซื้อไปนี่เสีย self หมด (แม้ว่าจริงๆแล้วก็รำคาญห้องรกๆของตัวเองอยู่ก็ตาม) แต่ทุกครั้งที่เดินผ่านผมก็ต้องหยุดมองมันทุกที เพราะคำว่า "ชีวิตดีขึ้นทุกๆด้าน" นี่เอง สุดท้ายก็ลองซื้อมาอ่านดู

    ประโยชน์แรกที่พบคือ อ่านแล้วเหมือนต้องมนต์สะกด อะไรที่เมื่อก่อนเสียดาย ทิ้งไม่ลง ตอนนี้เอาบริจาคไปบ้าง ทิ้งไปบ้าง เยอะเลย

    นอกจากนี้ปรัชญาในหนังสือยังนำมาใช้กับชีวิตในด้านอื่นได้ด้วย เช่น ทรัพย์สินบางอย่างที่มันไม่ก่อให้เกิดรายได้ มีแต่จะทำให้เปลืองค่าดูแลรักษาไปเรื่อยๆ ผมก็เริ่มตัดใจขายทิ้งไปบ้าง

    แต่ถามว่าชีวิตเปลี่ยนมั๊ย มันก็คล้ายๆเดิมแหละครับ ไม่ได้ไปไหนไกล (ได้ข้อคิดในการใช้ชีวิตเพิ่มนิดหน่อย) ส่วนหนึ่งอาจเป็นเพราะไม่สามารถทำตามที่หนังสือ 100% เพราะเป็นการจัดบ้านแนวฮาร์ดคอร์จริงๆ

    ฮาร์ดคอร์อย่างไง? ยกตัวอย่างเช่น เค้าจะบอกว่าให้เอาของในหมวดเดียวกันทั้งบ้าน (ขอย้ำว่าทั้งบ้านจริงๆ ไม่ให้ทำทีละห้อง) ลงมากองรวมกันให้หมด ไม่มียกเว้นแม้แต่ชิ้นเดียว จากนั้นให้เลือกเอาเฉพาะชิ้นที่ต้องการขึ้นมา ที่เหลือทิ้งหมด โหดมั๊ยล่ะ :sweeting:

    ยังไม่พอ วิธีการที่จะเลือกว่าเอาชิ้นไหน สมมติว่าเป็นหนังสือ เค้าบอกว่าไม่ให้เปิดดูนะ ให้จับขึ้นมา หลับตา แล้วถ้าสัมผัสได้ถึงความรู้สึกที่ดีถึงเอาเก็บไว้ เอ่อ...พอดีจิตสัมผัสผมยังไม่กล้าแข็งขนาดนั้นอ่ะครับ ผมก็ต้องเลือกเล่มที่คิดว่าอาจจะยังมีประโยชน์ในอนาคตเก็บไว้แทน

    แม้ว่าแนวทางบางอย่างอาจเกินเลยไปบ้างสำหรับปุถุชนธรรมดาอย่างเรา แต่โดยสรุปแล้วผมก็ได้แรงบันดาลใจ และกำจัดข้าวของที่รกรุงรังออกไปจากชีวิตได้เยอะมากเหมือนกันครับ ดังนั้นแนะนำครับสำหรับหนังสือเล่มนี้ ชีวิตอาจไม่ดีขึ้นทุกด้านเหมือนชื่อหนังสือ แต่อย่างน้อยก็น่าจะดีขึ้นซักด้านนะครับ

    รีวิวเส้นทางรถไฟ Sapporo - Asahikawa

    ให้คะแนน:
    5/5,
    (สุดยอด)
    [​IMG]

    ใครที่ไปเที่ยวฮอกไกโดช่วงฤดูหิมะปกคลุม บอกเลยเส้นนี้ห้ามพลาด ถือเป็นอีกหนึ่งโปรแกรมเที่ยวได้เลยนะ ตอนแรกพวกเราก็ไม่รู้อะไรหรอก คิดว่าเป็นแค่การเดินทางธรรมดา แต่พอรถไฟเริ่มวิ่งไปซักระยะนึง มองออกไปนอกหน้าต่าง “หุย! ว้าว ว้าว ว้าว!!!” สองข้างทางมันจะเป็นสีขาวสุดลูกหูลูกตา มีบ้านหลังเล็กหลังน้อย เป็นหย่อมๆ ฉากหลังเป็นเทือกเขาซ้อนกันเหมือนภาพวาดลายเส้นเลย คือสำหรับคนท้องถิ่นอาจดูจนชิน แต่คนจากเขตร้อนอย่างเรา มันรู้สึกตื่นตาตื่นใจมากๆ

    ในฐานะคนที่ชอบเที่ยวแนวทิวทัศน์นะครับ ตั้งแต่เริ่มทริป พวกเราก็เริ่มที่ ซัปโปโร แล้วก็ไล่ไปตามลำดับ โอตารุ โนโบริเบทสึ ทะเลสาบโทยะ จนกระทั้งถึงโมเม้นที่นั่งอยู่ในรถไฟเส้นนี้ แล้วมองออกไปนอกหน้าต่าง ต้อนนั้นความรู้สึกคือ “เฮ้ย! นี่แหละฮอกไกโด แบบที่ฝันไว้ !!” เหมือนสิ่งที่กดทับอยู่ในใจถูกยกออกไป เพราะช่วงแรกเที่ยวแต่ละที่มันไม่ได้ดั่งใจซะที



    อ่านต่อ...

    รีวิวArashiyama (ใบไม้เปลี่ยนสี) : ที่สุดของทริป

    ให้คะแนน:
    5/5,
    (สุดยอด)
    เวลาเห็นคนรีวิวเที่ยวชมใบไม้เปลี่ยนสีแถบ Arashiyama ส่วนใหญ่จะเป็นโซนริมแม่น้ำ เช่นถ่ายรูปบนสะพาน ล่องเรือ หรือ นั่งรถไฟชมวิวเลาะเลียดริมแม่น้ำ แต่ตอนที่พวกผมไป บริเวณริมน้ำใบไม้ร่วงหมดแล้ว เจ้าหน้าที่ประจำ info เลยเอาแผนที่ออกมาแล้ววงตำแหน่งวัดต่างๆ ตอนแรกผมก็งงๆ เอ… เค้ามาเที่ยวริมน้ำกันไม่ใช่เหรอ ถามย้ำกับเจ้าหน้าที่อีกที เค้าก็สื่อสารพอเข้าใจว่ามันไม่ค่อยสวยแล้ว เราก็ โอเค ตามคำแนะนำไป แต่ก็ไม่ได้นึกเลยว่าพวกเรากำลังเข้าสู่จุด “พีคที่สุดของทริป” วันนี้เป็นวันที่ประทับใจที่สุดในทริปครับ แต่ละวัดที่เจ้าหน้าที่วงไว้ให้ ใบไม้สีกำลังสวย งามจนใจแทบละลาย

    [​IMG]

    ความจริงป่าไผ่ที่เลื่องลือกันก็อยู่ในบริเวณนี้แหละครับ แต่เมื่อเทียบกับสีเหลือง สีส้ม สีแดงสดใส แพรวพราว อร่ามตา ในวัดต่างๆ ความรู้สึกผม ป่าไผ่มันก็แค่ทางผ่านเท่านั้น ตอนที่เดินผ่าน ผมไม่ได้รู้สึกอยากกระดิกนิ้วกดชัตเตอร์เลย

    Arashiyama-1.jpg
    มาดูกันต่อว่ามีอะไรให้ดชมบ้าง


    อ่านต่อ...

    รีวิวMan of Steel: บุรุษเหล็กซูเปอร์แมน

    ให้คะแนน:
    5/5,
    (สุดยอด)
    หนังซุปเปอร์ฮีโร่ไม่ใช่แนวของผมนะครับ ปกติเลยไม่ขอรีวิวหนังพวกนี้ดีกว่า แต่สำหรับเรื่องนี้เป็นข้อยกเว้น เพราะดูแล้วมันสะใจมาก เลยอยากมาบอกต่อเผื่อคนที่ไม่ชอบดูหนังฮีโร่แบบผม จะลองไปหามาดูบ้าง

    เริ่มโดนใจตั้งแต่ฉาก CG อารยธรรมดาวคริปตั้นตอนต้นเลย ทำออกมาล้ำมาก อยากกะหนัง Star Wars ดูแล้วอลังการ ถูกใจจริงๆ คือในเวอร์ชั่นก่อนๆจะบอกแค่ว่า ดาวมันระเบิดไปเฉยๆ แต่เวอร์ชั่นนี้ จะมีการแต่งเติมเนื้อหาให้ดูมีที่มาที่ไปที่ซับซ้อนมากขึ้น ได้เห็นเรื่องราวตอนก่อนดาวระเบิดว่าเกิดอะไรขึ้น ไปๆมาๆ ดูแล้วจะคล้ายๆ ดราก้อนบอล ความจริงแต่เดิมดราก้อนบอลก็เหมือนจะก๊อปพล็อตจากซุปเปอร์แมน ตรงประเด็นที่มาของตัวเอกที่เป็นมนุษย์ต่างดาว ถูกส่งมาโลกตั้งแต่เด็ก และดาวแม่ระเบิดไปแล้ว แต่คราวนี้ซุปเปอร์แมนก๊อปกลับบ้าง ตรงส่วนรายละเอียด ว่าดาวแม่เคยทำมาหากินอะไร และอีกหลายๆประเด็น

    ฉากบู๊เรื่องนี้คือส่วนที่ชอบที่สุด เหมือนดราก้อนบอลมากๆ แต่สมจริงกว่า ยกตัวอย่างตอนซุปเปอร์แมนบินขึ้นมันจะไม่ใช่ลอยขึ้นไปสวยๆนิ่งๆ แต่นี่อารมณ์เหมือนจรวดตอนพุ่งขึ้นไป จะมีคลื่นพลังแผ่ออกรอบๆ (ใครอยู่ใกล้ๆกระเด็นได้) เวลาฟัดกันก็ล้างผลาญกันจริงๆ ตึกรามบ้านช่องพังพินาศ (แม้จะไม่ค่อยชอบดูหนังซุปเปอร์ฮีโร่ แต่ผมจะชอบของ DC มากกว่า Marvel ตรงที่ล้างผลาญกว่านี่แหละ) ผมชอบรองแม่ทัพหญิงฝ่ายร้าย (จำชื่อไม่ได้ล่ะ) คือสู้แบบคนมีวิชาจริงๆ มีทั้งความเร็วและพลัง ส่วนพวกผู้ชายจะใช้กำลังอย่างเดียว แต่ก็มันส์ อย่างที่บอก มันพินาศ ล้างผลาญสะใจ

    เรื่องของบทไม่ซีเรียส อาจมีไม่สมเหตุสมผลอยู่บ้าง เช่นตัวร้ายเป็นถึงแม่ทัพใหญ่สู้รบมาทั้งชีวิต แต่พระเอกเติบโตในไร่ข้าวโพด จะเอาอะไรไปสู้กับเค้า แต่โดยปกติความเป็นหนังซุปเปอร์ฮีโร่ ก็คืออะไรที่ไม่สมเหตุสมผลสำหรับผมอยู่แล้ว ดังนั้นเรื่องเล็กแค่นี้มองข้ามได้ ดูแล้วบันเทิงก็พอใจล่ะ วัดกันที่ระดับความันส์อย่างเดียว ให้ 5 ดาวครับ

    รีวิวWar for the Planet of the Apes: มหาสงครามพิภพวานร : สนุก ครบเครื่อง

    ให้คะแนน:
    5/5,
    (สุดยอด)
    ข้อเด่น - บทดี
    - ดราม่าลึก
    - ถล่มกันมันส์
    ข้อด้อย - ลิงฉลาดเกินไปหน่อย
    แม้ว่าชื่อเรื่องจะทำให้คนเข้าใจผิดเกี่ยวกับเนื้อหา ชื่อ War for the Planet of the Apes พอเห็นก็นึกถึง "สงคราม" ที่ไม่ใช่สงครามธรรมดา ต้องเป็นส่งครามที่เป็นจุดพลิกผันที่ทำให้โลกเข้าสู่ยุค "Planet of the Apes" อย่างแท้จริงด้วย แต่พอได้ดูแล้ว มันไม่มีสิ่งที่เรียกว่า "War" ด้วยซ้ำ มีแต่ "Battle" แต่ขอบอกว่าไอ่ Battle เนี่ย "โคตรมันส์" เป็นฉากสู้รบที่ใช้อาวุธของมนุษย์ยุคนี้ ที่มันส์กว่าสงครามจักรวาลอีก เสียดายมันสั้นไปหน่อย ยังไม่อิ่มตาเลย

    ภาคนี้มีดีกว่า 2 ภาคแรกในเกือบทุกมิติครับ ฉากต่างๆที่เหมือนเอาลิงเป็นฝูงมาเล่นหนังได้จริงๆ ยังสร้างความตะลึงได้เหมือนเดิม และยิ่งไปกว่านั้นคือมี ฉากดราม่าที่ลึกมาก

    บทภาพยนต์ก็ซับซ้อนกว่าเดิม การสร้างบรรยากาศของโลกในยุคเสื่อมถอยทำได้ดีมาก บางช่วงของหนัง ผมรู้สึกหวิวๆขึ้นมาจริงๆเลยนะ แบบว่า "อารยธรรมมนุษย์จะจบสิ้นแล้วจริงๆหรือนี่"

    การดำเนินเรื่องสนุกตั้งแต่นาทีแรกถึงนาทีสุดท้ายเลยครับ นาทีกลางๆ อาจไม่มันส์เท่าแรกกับสุดท้าย แต่ก็ยังสนุกอยู่ดี

    ที่รู้สึกขัดใจหน่อยก็มีนะ ผมว่า ลิงมันฉลาดเกินไป พูดมากเกินไป เช่นบางทีสื่อสารกันเองระหว่างลิง ก็ใช้การพูดแล้ว ผมชอบภาค Dawn ช่วงต้นที่ใช้ภาษาใบ้มากกว่า และจะเปล่งภาษาคนออกมาเฉพาะเวลาสำคัญ หรือ ตอนที่สื่อสารกับมนุษย์เท่านั้น ผมว่าในยุคของซีซ่าแค่ระดับนี้จะดูสมจริงกว่า ถ้าจะถึงขั้นคุยกันเอง ไว้ยุคหลาน ยุคเหลนดีกว่า

    ไม่แน่ใจว่าจะมีภาคต่อไปอีกหรือเปล่า และจะมีช่วงเวลาที่เรียกว่า "War" for the "Planet of the Apes" จริงๆหรือเปล่า เพราะภาคนี้ได้เปิดเผยเรื่องราวบางอย่างที่ทำให้เชื่อว่าอาจไม่จำเป็นต้องมีสงครามแบบนั้นแล้วก็ได้

    แต่ถ้าย้อนไปดูภาค Rise จะเห็นว่ายังมีเงื่อนที่ผูกไว้ คือเรื่อง ยานอวกาศที่สูญหาย และผมไม่เชื่อว่า 3 ภาคล่าสุดนี้ (Rise, Dawn, War) จะสร้างมาเพื่อเชื่อมกับเรื่อง Planet of the Apes ปี 2001 (บทของหนังมันคนละเกรดเลยนะ) ดังนั้นก็ถือว่าเงื่อนที่ว่ายังไม่ได้คลาย จึงยังมีความหวังสำหรับภาคต่อ

    โดยสรุป คือ เรื่องนี้ไม่ใช่อะไรที่จะมามัวนั่งคิดว่าไปดูดีหรือไม่ไปดูดี พลาดแล้วเสียใจแน่ๆครับ

    รีวิวTomorrow I will date with Yesterday's You: พรุ่งนี้ฉันจะเดตกับเธอคนเมื่อวาน : ซึ้งดี อยากแนะนำ

    ให้คะแนน:
    5/5,
    (สุดยอด)
    ข้อเด่น - หนังทำได้ละเมียดละไม เข้าถึงความรู้สึก
    - ไอเดียพล็อตเรื่องแปลกแหวกแนว
    ข้อด้อย - ไอเดียพล็อตเรื่องแปลกแหวกแนว จนไม่มีทางเป็นไปได้
    เมื่อคืนเพิ่งได้ดูเรื่องนี้ครับ ดูแล้วก็ซึ้งดีนะครับ ใครอยู่ดีไม่ว่าดี อยากหาเรืองเสียน้ำตา ก็แนะนำว่ารีบไปจัดมา

    สิ่งที่ชอบที่สุดน่าจะเป็นความละเมียดละไมของหนัง ตามสไตล์หนังญี่ปุ่น ที่ทำให้เข้าถึงความรู้สึกของตัวละคร รับรู้ได้ถึงความรักและความทุกข์ในใจของทั้งคู่

    อดพูดถึงไม่ได้คือ นางเอก น่ารักมาก :emb: ความจริงรู้สึกถึงความน่ารักตั้งแต่เรื่อง The World of Kanako แล้ว แต่เรื่องนั้นเล่นเป็นนางฟ้าซาตาน มาเรื่องนี้พลิกบทเป็นสาวหวาน ทำให้รู้สึกชอบได้อย่างสนิทใจ คือ นานะจัง นอกจากจะน่ารักแล้ว หน้าตายังดูมีเอกลักษณ์ มีเสน่ห์อย่างบอกไม่ถูก
    ส่วนพระเอกไม่ต้องพูดถึง (เพราะไม่ค่อยได้สังเกต :yawn:)

    จุดเด่นหนึ่งคือพล็อตเรื่องที่แปลกแหวกแนว สังเกตหนังโรแมนซ์ช่วงหลังมักชอบเล่นกับเรื่องของเส้นเวลา เรื่องนี้ก็เช่นกัน แต่เป็นรูปแบบของเส้นเวลาที่ไม่ซ้ำกับเรื่องอื่นๆ

    แต่จุดเด่นก็เป็นจุดด้อยในตัว คือความที่มัน "เป็นไปไม่ได้" ตรงนี้จึงกลายเป็นอุปสรรค์สำหรับผู้ชมที่จะคล้อยตามเนื้อเรื่อง (แม้ว่าข้างบนผมจะบอกว่าอินกับความรู้สึกของตัวละคร แต่ไม่ค่อยอินกับเนื้อเรื่องนะ) ตรงจุดนี้ถ้าพูดถึงหนังที่มีพล็อตไม่จำเจ แต่ยังรักษาความเรียลๆ แถมซึ่งกินใจ ผมคิดถึงหนังเกาหลี Achitecture 101

    ด้วยจุดด้อยนี้เลยหักไป 1 ดาว ยังเหลือ 4 ดาว ยังคงสถานะ "แนะนำ" ครับ

    โอ้ว พอไปอ่านในเน็ต พบว่าเรื่องนี้ ทำคนมึนงงอยู่เยอะเหมือนกัน อันที่จริงตอนที่เฉลย ผมก็ต้องพยายามนั่งนึกอยู่ช่วงหนึ่งเหมือนกัน ผมจะอธิบายง่ายๆแบบนี้นะครับ (ไม่รู้จะช่วยอะไรหรือเปล่านะครับ ลองดูละกัน)

    คือ คิดซะว่านางเอกมีไทม์แมชชีนของโดเรม่อน ย้อนเวลาได้ สมมติวันนี้ วันที่ 7 พอเที่ยงคืน พระเอกก็เข้าสู่วันที่ 8 ใช่มั๊ยครับ แต่นางเอกนั่งไทม์แมชชีนย้อนไปวันที่ 6 แทน แล้วพอหมดวันที่ 6 ก็นั่งย้อนไปวันที่ 5 อีก เป็นแบบนี้ไปเรื่อยๆ

    เพียงแต่ความจริงคือนางเอกไม่ต้องเดินทางข้ามเวลาด้วยเครื่องมืออะไร และไม่ใช่อะไรที่นางเอกจะเลือกได้ คือมันย้อนโดยอัตโนมัติ

    เพราะฉนั้น ทุกๆวัน นางเอกก็จะเจอกับพระเอกที่อ่อนลง 1 วัน และยังไม่รับรู้เรื่องราวที่นางเอกเพิ่งเจอมา

    ในทางกลับกัน สมมติวันนี้วันนี่ 7 เมื่อวานวันที่ 6 พระเอกพูดอะไรบางอย่างกับนางเอกไว้ วันนี้นางเอกจะยังไม่รับรู้เรื่องที่บอกเมื่อวาน เพราะนางเอกเพิ่งย้อนเวลามาจากวันที่ 8 เดี๋ยวพอหมดวันนี้ (วันที่ 7) นางเอกจึงจะย้อนไปวันที่ 6 เพื่อไปรับรู้เรื่องราวที่พระเอกบอก

    เข้าใจแค่นี้พอครับ ส่วนที่เหลือ อยากจะให้มันเป็นอย่างไง ก็จินตนาการเอาตามสบายเลยครับ ไม่ต้องซีเรียส เพราะ บางอย่างหนังก็ไม่ได้บอก หรือบอก ก็ไม่ชัดเจน หรือ บางทีหนังมันก็ขัดแย้งกันเอง

    ตอนดู แอบบรู้สึกว่าไม่แฟร์เลย ทำไมไม่มีตอนที่พระเอกรู้เรื่องแล้วต้องเผชิญกับช่วงเวลาที่ความสัมพันธ์ถอยหลังไปเรื่อยๆบ้าง มีแต่ช่วงที่นางเอกต้องแบกรับความรู้สึกนี้อยู่คนเดียว แต่คิดอีกที ถ้าหนังทำแบบนั้นก็คงน่าเบื่อแย่ จินตนาการเอาเองว่าคงจะมีละกัน

    Update: หลังจากดูรอบสอง ผมแก้จาก 4 ดาวเป็น 5 ดาวเลยละกัน คือสารภาพแบบแมนๆเลยว่า ดูรอบแรกแค่น้ำตาซึม แต่ดูรอบสอง น้ำตาแตก อาจเป็นเพราะรอบแรกมีช่วงที่มัวนั่งทำความเข้าใจกับเรื่องเวลาที่สวนทางกัน แต่รอบสองนี่สมาธิอยู่กับเนื้องเรื่องเต็มที่เลย

    รีวิวToya Kanko Hotel : ที่พัก พร้อมออนเซ็น ราคารับได้

    ให้คะแนน:
    4/5,
    (แนะนำ)
    ข้อเด่น - วิวทะเลสาบโทยะสวยมาก
    มีออนเซ็นด้วย
    มีรถไปส่งที่สถานีรถไฟฟรี
    ข้อด้อย - ไม่มีรถไปรับที่สถานีรถไฟ
    อาหารธรรมดา
    เช่นเดียวกับอีกหลายโรงแรมในทริปนี้ คือตอนจองห้องจะไม่ได้ระบุว่า "ปลอดบุหรี่" เราต้อง request ตามไป แล้วเค้าก็ตอบกลับมาว่าไม่มีห้องปลอดบุหรี่ แต่จะพยายามดูดกลิ่นให้ ซึ่งทำให้กังวลใจเล็กน้อย ถึงปานกลาง ว่ากลิ่นหลังจากดูดแล้วจะอยู่ในระดับที่รับได้หรือเปล่าหนอ แต่ผลสุดท้ายห้องที่ได้ก็ไม่มีกลิ่นเลย

    ใครที่ทนกลิ่นบุหรี่ไม่ได้ เวลาจองที่พักในฮอกไกโดก็พยายาม request ไปก็แล้วกันครับ ทั้งทริปนี้ผมไม่เจอห้องที่เหม็นบุหรี่เลย

    DSC07657.jpg

    บริการถือว่าดีมากครับ พนักงานส่วนใหญ่จะเป็นคนสูงอายุ กับ สาวๆที่เป็นคนจีน (คือคนจีนมาเที่ยวฮอกไกโดเยอะมาก) อ่อ ใครมาเตรียมทิป ไว้หน่อยก็ดีนะครับ ดูจากท่าทางของพนักงานที่พามาส่งที่ห้องเหมือนเค้าจะรอรับอยู่นะ พวกเราก็ดันไม่ได้เตรียมเลย คิดว่าที่ญี่ปุ่นเค้าไม่รับทิปซะอีก ควรให้เท่าไหร่ก็ไม่รู้ เลยแกล้งโง่ไปก่อน



    อ่านต่อ...

    รีวิววัดชินเนียวโดะ Shinnyo-do (ใบไม้เปลี่ยนสี) : ความงามที่แอบซ่อน

    ให้คะแนน:
    5/5,
    (สุดยอด)
    ข้อเด่น - ใบไม้เปลี่ยนสีงามจับใจ
    - เข้าฟรี
    - คนน้อย
    ข้อด้อย - บริเวณโดยรอบไม่มีร้านอาหาร
    น้อยคนจริงๆ ที่จะพูดถึงวัดนี้ ทั้งๆที่ตั้งอยู่ไม่ไกลจากวัดเอคังโด (จุดชมใบไม้เปลี่ยนสีขึ้นชื่อแห่งหนึ่งของเกียวโต) และ ถนนสายนักปราชญ์อันโด่งดัง แม้แต่คนญี่ปุ่นเองก็คงจะมองข้าม ดูได้จากจำนวนคนที่ไปเที่ยววัดนี้เทียบไม่ได้กับวัดเอคังโดเลย

    Shinnyodo-6.jpg

    ผมเองก็ได้รู้จักโดยบังเอิญ คือตอนเที่ยววัดเอคังโดอยู่ ซึ่งตอนนั้นเลยช่วงที่สวยที่สุดไปแล้ว เดินเที่ยวแล้วไม่ฟิน กดชัตเตอร์น้อยมาก เลยเปิดเว็บ japan-guide.com ขึ้นมาดู พอดีรายงานว่า Shinnyodo กำลังงามอยู่เลยครับ แถมอยู่ไม่ไกลด้วย เลยลองเดินไปดู ก็เดินไปถามทางไป คนแถวนั้นก็รู้บ้าง ไม่รู้บ้าง (ความจริงตอนนั้นก็มีทั้งเน็ต กับ google map อยู่ในโทรศัพท์นะ ดันไม่รู้จักใช้ :bird:)

    พอเจอแล้ว ก็รู้สึกโชคดีจริงๆที่ตัดสินใจมา


    อ่านต่อ...

    รีวิวทะเลสาบโทยะ Lake Toya : น่ามาพักซักคืน

    ให้คะแนน:
    4/5,
    (แนะนำ)
    ข้อเด่น - สวยงาม บรรยกาศเงียบสงบ
    ข้อด้อย - จุดเที่ยวช่วงฤดูหนาวอาจน้อยหน่อย
    Lake Toya ถ้าใครคิดว่าไม่มีอะไรมาก ลองแวะเที่ยวแป๊บนึงแล้วเดินทางต่อเลย มันก็จะไม่มีอะไรอย่างที่คิดแหละ พอมาถึงก็จะเห็นวิวสวยๆตรงริมทะเลสาบ ซึ่งมันก็จะมีแค่นั้นจริงๆ เดินแป๊บเดียวก็หมดละ

    ภาพข้างล่างถ่ายจากหน้าต่างโรงแรม Toya Kanko ครับ
    DSC07641.jpg

    DSC07637.jpg DSC07647.jpg

    จะว่าไปก็ยังมีเที่ยวอยู่นะครับ
    Lake Toya (Toyako) Travel Guide
    แต่ช่วงฤดูหนาว รถบัสหยุดวิ่ง อาจต้องนั่งแท็กซี่ไปแทน

    แล้วถ้าฟ้าใส่ ไปขึ้นเรือล่องทะเลสาบ แบบในกระทู้นี้ก็ไม่เลวนะครับ
    +++ WHITE WINTER IN HOKKAIDO +++ Part 3 Toyako วันหนาวริมทะเลสาบ

    แต่ถ้าลองได้มาพักซักคืน แช่ออนเซ็นซักหน่อย ช่วงเวลาที่อยู่โทยะโกะจะเป็นอีกความทรงจำที่ประทับอยู่ในใจแน่นอน เป็นความรู้สึกที่ผ่อนคลายมากๆ โดยส่วนตัวรู้สึกว่าคุ้มค่าที่ตัดสินใจมาพักที่นี่

    เรื่องการเดินทาง ต้องเตือนนิดนึงว่า โทยะ อยู่ระหว่างทางระหว่างซัปโปโรกับฮาโกดาเตะ ซึ่งเป็นเส้นทางที่มีการเดินทางไปมาหนาแน่นมาก ดังนั้นควรจองที่นั่งรถไฟล่วงหน้าอย่างน้อย 1 วัน ไม่งั้นอาจไม่มีที่นั่งได้

    สวนขากลับ ถ้าจะออนเซ็นตอนเช้าอีกรอบ ก็จองรถไฟเที่ยวเกือบเที่ยงเลยก็ได้ครับ ตอนแรกผมจะจองประมาณ 10.50 แต่เต็มได้เป็น 11.50 แทน นึกว่าต้องนั่งเซ็งแล้ว ที่ไหนได้ กว่าจะออนเซ็นเสร็จ กว่าจะกินข้าวเช้า แล้วก็ไปเดินถ่ายรูปริมทะเลสาบ (เพราะวันก่อนหน้ามาถึงที่นี่เย็นแล้ว แสงไม่พอเลยไม่ค่อยได้ถ่าย) แป๊บเดียวได้เวลาที่โรงแรมนัดไปขึ้นรถละ (โรงแรมมีบริการรถตู้ส่งไปสถานีรถไฟฟรี แต่เค้ากะเวลาให้มาถึงสถานีประมาณ 11.00 ครับ)

    รีวิวAvatar : ตรึงอยู่ในใจ

    ให้คะแนน:
    5/5,
    (สุดยอด)
    หนังแนว Sci-fi ผมจะเน้นที่จินตนาการ และคุณภาพของงานสร้าง ซึ่งเรื่องนี้ บอกได้เลยว่า "จัดเต็ม" ทั้ง 2 อย่าง

    ความสร้างสรรค์ที่ว่าได้แก่:

    สร้างสรรค์ 1. แนวคิดร่างอวตาร สุดยอดแนวคิด พาจินตนาการของเราลอยไปไกลตกขอบจักรวาลกันเลย คือด้วยเทคโนโลยี เราเป็นอะไรก็ได้ (ถ้ามีตังค์นะ) และถ้าคิดให้เลยเถิดกว่านั้น สิ่งที่เราเป็นอยู่ อาจไม่ใช่เรา แท้จริงเราอาจนอนอยู่ที่ไหนซักแห่งหรือเปล่า และเมื่อร่างปัจจุบันของเราหมดอายุ ชาติใหม่ของเราคือเราไปอยู่ร่างใหม่พร้อมลบความทรงจำหรือเปล่า? หรือนี่คือหลักอนัตตาที่พระพุทธเจ้าพยายามจะสอนเรา

    สร้างสรรค์ 2. ภูมิประเทศอลังการ ภาพยนต์เป็นศิลปะอยู่แล้ว แต่การสร้างสรรค์ภูมิประเทศในหนัง Sci-Fi ผมว่ามันเป็นงานศิลปะอีกรูปแบบหนึ่งเลยนะ คือเห็นแล้วอยากไปเที่ยว

    สร้างสรรค์ 3. ไม่เพียงแต่ภูมิประเทศ ทีมผู้สร้างยังคิดต่อว่า สิ่งมีชีวิตบนดาวแบบนั้นจะมีวิถีการดำรงอยู่อย่างไง ปฏิสัมพันธ์กันอย่างไร

    สร้างสรรค์ 4. ยุทโธปกรณ์ ยานยนต์ อาวุธทั้งหลาย ล้ำๆทั้งนั้น ได้ใจมาก

    สร้างสรรค์ 5. รูปแบบ ยุทธวิธีการประจัญบาน มันส์มากกกก ฉากที่กองทัพวิหคต่างดาว ปะทะยานรบหุ้มเกราะ และอีกหลายๆฉาก (ที่เล่าไม่ได้เพราะเกรงจะสปอย) ยังตรึงอยู่ในใจผม

    สร้างสรรค์ 6. อันนี้ไม่เกี่ยวกับหนัง Sci-Fi คือ "พล็อตเรื่อง" ที่ดูเหมือนมองไปข้างหน้า แต่จริงๆคือภาพสะท้อนสิ่งที่อยู่ข้างหลัง พูดง่ายๆ จะกระทบกระทียบพวกผิวขาวที่เข้าไปรุกราน เบียดเบียนอินเดียนแดงในแผ่นดินอเมริกา แต่แทนที่จะสร้างเป็นหนังแนวประวัติศาสตร์ กลับสร้างเป็นหนังอนาคตแทน ข้างหน้าคือข้างหลัง "หนังเรื่องอวตาร" ก็คือ "อวตาร" ของประวัติศาสตร์นั่นเอง

    เป็นปกติในหนังที่ โลก มักถูกต่างดาวรุกราน แต่เรื่องนี้พลิกเป็นมนุษย์โลกไปรุกรานดาวดวงอื่น ผมก็แอบคิดเอาเองว่า มันไม่ใช่แค่ให้ดูแปลก แต่แฝงจุดประสงค์ให้คนดูแล้วสะท้อนกลับมาที่ตัวเองได้ง่ายขึ้นว่า มันเป็นอย่างไง เวลาที่พวกตัวเองไปรุกรานคนอื่นเค้า


    ในบรรดาหนัง Sci-Fi ทุนหนา แน่นอนว่างานสร้างย่อมออกมาดีทั้งนั้น แต่ "จิตนาการ" คือเส้นที่แบ่ง "หนัง Sci-Fi คุณภาพในตำนาน" ออกจาก "หนัง Sci-Fi เกรด B" ที่ได้แต่เกาะชื่อเสียงของภาคก่อนๆโดยไม่ได้คิดสร้างสรรค์อะไรใหม่เลย

    อวตารภาคใหม่น่าจะเข้าฉายปลายปีนี้ ก็ยังลุ้นอยู่ว่าจะตื่นตา ตื่นใจเหมือนภาคแรกหรือเปล่า แต่ก็ค่อนข้างมองโลกในแง่ดี เนื่องจากชื่อ "เจมส์ คาเมรอน" ยังไม่เคยทำให้ผมผิดหวัง
  • เกี่ยวกับ

    เป็นคนชอบใช้เวลาว่าง ดูหนัง ดูซีรีย์ เล่นเกมบ้างบางครั้งครับ แต่สิ่งที่ล่อเลี้ยงชีวิตอยู่ทุกวันนี้ก็คือการออกท่องเที่ยวปีล่ะ 1-2 ครั้ง ส่วนใหญ่ไปเที่ยวต่างประเทศมากกว่า เพราะอยากไปเห็นอะไรที่แตกต่างครับ

    เป็นคนช่างเลือกพอสมควร จะให้ 5 ดาวไม่ใช่เรื่องง่ายๆนะครับ ยกตัวอย่างเช่น สถานที่ๆว่าสวยนั้น ผมแบ่งเป็น 2 ระดับ คือระดับที่ๆความสวยรับรู้ได้แค่ตา และอีกระดับคือความสวยนั้นรู้สึกเข้าไปถึงใจเลย ซึ่งการเยี่ยมเยือนสถานที่เหล่านี้นี่แหละครับคือช่วงเวลาที่แสนวิเศษของชีวิต

    รสนิยมการท่องเที่ยวคือวางแผนและไปกันเอง ไปกับพี่สาวและคุณพ่อเป็นส่วนใหญ่ เมื่อออกทริปหลายๆครั้ง เราก็เริ่มรู้จักรสนิยมของตัวเองมากขึ้น คือนอกจากจุดหมายต้องสวยจับใจแล้ว การเดินทาง ที่พักก็ต้องสะดวกสบายด้วยครับ มันถึงจะสามารถเติมเต็มให้เป็นประสบการณ์ที่น่าจดจำ อย่างไรก็ตามเรายังเลือกที่จะท่องเที่ยวอย่างประหยัดด้วย ทริปแต่ละครั้งของเราถูกกว่าไปกับทัวร์แน่นอนครับ