1. นี่มันเว็บอะไรกัน??? ทำความรู้จักคร่าวๆกับ รีวิวบุรี คลิกเลย

Mr.001

ผู้ว่าฯรีวิวบุรี

ผู้ดูแลเมือง
Mr.001 เคลื่อนไหวล่าสุด:
2 พฤศจิกา 2020
  • รีวิวสวน Haradani-en : สวยงาม ฉ่ำใจ

    ให้คะแนน:
    5/5,
    (สุดยอด)
    ข้อเด่น - สวยเฟร่อ
    - มีซากุระสายพันธุ์สีชมพูเยอะมาก ซึ่งไม่ค่อยได้เห็นทั่วไป
    ข้อด้อย - ต้องนั่งแท็กซี่ไปกลับ
    สวนนี้ตั้งอยู่บนเขา ทำให้ซากุระบานช้ากว่าที่อื่นๆในเกียวโต สวยงามมากครับ ถ้าจังหวะเวลาพอดี แนะนำมากๆครับ น่าจะเหมาะกับคนที่มาช่วงสงกรานต์พอดี ภายในสวนจะเป็นทางเดินวนไปวนมาซึ่งจะเห็นซากุระปลูกแน่นไปหมด ส่วนใหญ่เป็นพันธุ์สีชมพู มีสีอื่นๆ และดอกไม้ประเภทอื่นแซมบ้าง เดินชม ถ่ายรูปเพลินเลยครับ

    อีกสิ่งที่ผมชอบคือ ภายในส่วนจะมีการจัดวางที่นั่งเป็นจุดๆ ให้นักท่องเที่ยวได้นั่งค่อยๆซึมซับความงามของซากุระแบบ slow life นอกจากนี้ภายในมีร้านขายขนมญี่ปุ่น เอามานั่งทานไปชมซากุระไปได้ เผื่อเวลาเที่ยวซัก ชั่วโมงกว่าๆ ถึง 2 ชั่วโมงครับ หรือใครอยากจะใช้เวลาค่อยๆดื่มด่ำกับความงามก็ไม่ว่ากัน

    การเดินทางที่สะดวกคือแท็กซี่ครับ ถ้านั่งมาจากวัด Ninnaji หรือ Kinkakuji (วัดทอง) ก็ไม่น่าเกิน 800 เยนครับ ขากลับก็มีคิวรอแท็กซี่ คือคนญี่ปุ่นที่มาเที่ยวที่นี่เค้าก็นั่งแท็กซี่มากันเยอะครับ เพราะฉนั้นไม่ต้องห่วงว่าไม่มีรถกลับ

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    ชมภาพและข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่กระทู้: ชวนเที่ยวสวน Haradani-en ณ เกียวโต


    รีวิวทั้งหมด ของทริปซากุระ 2015

    กระทู้แนะนำจุดชมซากุระ สำหรับคนไปช่วงสงกรานต์

    ซากุระในแถบ ตั้งแต่โตเกียวถึงเกียวโต ซึ่งคนส่วนใหญ่นิยมไปเที่ยวกันนั้น ปกติจะบานสวยที่สุดประมาณปลายเดือนมีนา ถึงต้นเดือนเมษา แต่ช่วงวันหยุดยาวของคนไทยคือสงกรานต์จะไปอยู่กลางเดือนเมษา เหมือนนรกชังหรือสวรรค์แกล้ง กว่าน้องอังจะเปิดใจ พี่โกก็จะจากไปซะแล้ว :desperate2: หลายคนจึงมักมีคำถามว่าช่วงสงกรานต์ไปดูซากุระที่ไหนดี ก็มักได้คำแนะนำจากผู้รู้ว่าขึ้นเหนือซิ แถบโทโฮขุ หรือ ฮอกไกโด ผมเองเมื่อปีที่แล้ว (ปี 58) ก็ตกอยู่ในสถานการณ์เดียวกันครับ คือตอนแรกก็กะจะไปเที่ยวช่วงต้นเดือนเมษาเหมือนกันแหละ แต่ปรากฏว่าจองที่พักไม่ทัน ใครที่จะไปชมซากุระช่วงพีค แนะนำให้จองที่พักแต่เนิ่นๆนะครับ โดยเฉพาะคนที่ไปเป็นหมู่คณะหลายคน ที่พักยิ่งจองยากครับ ผมจองตั้งแต่ต้นเดือน ม.ค. ที่อื่นไม่เท่าไหร่ แต่ที่เกียวโตเต็มหมดแล้วครับ แต่ผมก็ไม่อยากขึ้นไปทางเหนือ เพราะไม่ค่อยมีข้อมูลที่เที่ยวทางแถบนั้น สุดท้ายก็เลือกอีกทางเลือกที่ผู้รู้เค้าแนะนำ คือ ถ้าไม่ขึ้นเหนือ ก็ให้ขึ้นที่สูง (เพราะที่อากาศเย็นกว่า ซากุระก็จะบานช้ากว่า) กระทู้นี้ผมจึงขอเสนอทางเลือกอีกทาง ก็คือเที่ยวอยู่แถวๆ ระหว่าง โตเกียว กับ เกียวโตนี่แหละ แต่ขึ้นไปที่สูงแทน ผมคงต้องใช้เวลาค่อยๆ อัพเดทกระทู้หน่อยนะครับ เพราะวันๆผมมีอะไรต้องทำตั้งหลายอย่างครับ (ไหนจะต้องเล่นเกม ไหนจะต้องดูหนัง แล้วยังต้องนอนกลางวัน กับเดินช้อปปิ้งอีก 555 ล้อเล่นนะครับ)

    ก่อนอื่นเลย อยากบอกว่าที่เกียวโตมีชมซากุระสำหรับคนที่ไปสายอยู่หลายที่เหมือนกัน ดูในหน้าเว็บของ japan-guide.com ข้างล่างครับ
    Where to see cherry blossoms if you missed them in Kyoto?
    แต่สถานที่ส่วนใหญ่หน้าเว็บข้างบน ไปช่วงสงกรานต์ก็อาจสายไปแล้วนะครับ ถ้าไปซักประมาณวันจักรี น่าจะกำลังดี

    ส่วนที่ที่ผมกำลังจะแนะนำต่อไปนี้จะเป็นสถานที่ๆบานช้าไปอีกระดับนึง ช่วงสงกรานต์น่าจะมีโอกาสพอสมควร

    1.สวน Haradani-en (Kyoto)
    ไม่ค่อยได้ยินคนไทยพูดถึงสวนนี้เลย อาจเป็นเพราะซากุระที่สวนนี้จะบานช้า (อาจช้าที่สุดในเกียวโตก็ได้ เพราะอยู่บนเขา อีกทั้งการเดินทางไม่ได้สะดวกเท่าไหร่) ผมเองก็ได้รู้จักกับสวนนี้จากรายงานสถานการณ์ซากุระของ japan-guide.com พอได้ไปเห็นของจริงก็ไม่ผิดหวังครับ สวยมากๆ แม้ว่าวันที่พวกเราไปเที่ยวฝนจะตกพร่ำๆ ตลอด ทำให้การถ่ายภาพเป็นไปอย่างทุลักทุเลก็ตาม แต่ความสวยของซากุระสายพันธุ์สีชมพูที่หาดูได้ยาก (ส่วนใหญ่ที่เห็นจะเป็นพันธุ์สีขาว) ก็ทำให้พวกเราตื่นเต้นจนลืมเรื่องฝนไปเลย บนความโชคร้ายจากฝน ก็มีความโชคดี ที่เรามาช่วงเวลาที่ซากุระบานเต็มที่พอดี มองไปจะเห็นสีชมพูแน่นไปหมด ขนาดของสวนใหญ่ระดับกลางๆ แต่เดินไปสองสามก้าวก็ต้องหยุดถ่ายรูป ทำให้ใช้เวลาอยู่ที่นี่เป็นชั่วโมงเหมือนกันครับ

    รูปในกระทู้นี้ผมอัพขนาดเต็มจอไว้ คลิกหรือ นิ้วแตะที่รูป เพื่อย่อ-ขยายรูปได้ครับ
    Haradani-en2.jpg

    อ่านต่อ...

    รีวิวOur Little Sister เพราะเราพี่น้องกัน : มันไม่ใช่เรื่องราว แต่คือ ความรู้สึก

    ให้คะแนน:
    5/5,
    (สุดยอด)
    โดยปกติหนังมันจะต้องมีประเด็น หรือโจทย์หลัก เช่นมีปมบางอย่างให้ติดตามว่าจะลงเอยอย่างไร มีอุปสรรค์ให้ลุ้นว่าจะเอาชนะได้มั๊ย คนที่พลัดพรากจะได้พบกันมั๊ย คนดีจะชนะคนชั่วหรือไม่ แต่... สำหรับเรื่องนี้ ผมดูไปครึ่งชั่วโมงก็เริ่มถามตัวเองว่าประเด็นของหนังเรื่องนี้มันคืออะไรหว่า ดูไปชั่วโมงกว่า ก็ยังไม่รู้ จนผมเริ่มทำใจ และแล้วตอนจบของหนังเรื่องนี้ก็เป็นอย่างที่คาด คือไม่ได้มีบทสรุปอะไรที่เป็นชิ้นเป็นอัน เพราะมันไม่มีโจทย์ตั้งแต่ต้น มันก็แค่เหมือนกับว่าเราได้นั่งเฝ้าดูชีวิตจริง ในห้วงเวลาหนึ่ง ของครอบครัวหนึ่ง ก็เท่านั้น

    แล้วทำไมให้ 5 ดาว?

    เพราะตลอดช่วงเวลา 2 ชั่วโมงที่ผมดู (และแอบตั้งคำถามเป็นระยะๆถึงประเด็นของหนัง) ผมไม่รู้สึกเบื่อเลย และพอถึงตอนจบ ผมก็รู้สึกว่า อิ่มเอม กับการที่ได้ดูหนังเรื่องนี้

    เพราะมันไม่ใช่เรื่องราว แต่คือ "ความรู้สึก"

    แม้ว่าเรื่องราวที่หนังเล่าจะไม่ได้หวือหวาอะไร แต่ผู้ชมจะไม่ได้เพียงแค่รับรู้เรื่องราว แต่จะเข้าถึงความรู้สึกของตัวละครเลยทีเดียว ผมรับรู้ได้ถึงความรู้สึกรักและเอ็นดู ที่บรรดาพี่สาวมีต่อน้องเล็กคนใหม่ได้ ส่วนน้องเล็กก็ทำให้ผมรู้สึกได้ถึงความเป็นเด็นที่น่ารัก แต่ก็เข้มแข็งไปพร้อมๆกัน ผมคิดว่านี่เป็นเสน่ห์เฉพาะของหนังญี่ปุ่นนะ เพราะเห็นมาหลายเรื่องแล้ว คือฉากเรื่องราวเล็กๆธรรมดาๆ ที่เกิดขึ้นในชีวิตประจำวัน เช่นการกินข้าวด้วยกัน พูดคุยหยอกล้อกัน ก็ทำให้ผู้ชมเข้าถึงไออุ่นของความเป็นครอบครัวได้ ยังมีฉากเรียบๆธรรมดาๆแบบนี้ตลอดเรื่องที่ถ้าเป็นหนังของประเทศอื่น ผมคงรู้สึกเบื่อ แต่หนังญี่ปุ่น โดยเฉพาะเรื่องนี้สามารถดึงความรู้สึกของผู้ชมไว้ได้ตลอด

    ลูกสาวทะเลาะกับแม่ แต่สุดท้าย ก็คืนดีกัน ลูกอุตส่าห์วิ่งเอาเหล้าหมักไปให้แม่ที่สถานีรถไฟ ถ้าปกติจบแค่นี้ ผู้ชมก็จะได้ "รับรู้เรื่องราว" ว่าลูกจริงๆก็ยังรักแม่อยู่นะ แต่เรื่องนี้จะมีฉากเล็กๆต่อท้าย คือ พอรถไฟออกไปแล้ว ลูกสาวยังพยายามชะเง้อมองว่าแม่ขึ้นรถไฟไปเรียบร้อยหรือเปล่า ฉากเล็กๆแค่นี้ แต่มันถ่ายทอดให้เรา "เข้าถึงความรู้สึก" ของลูกที่มีต่อแม่ได้

    การเล่าเรื่องราวเรียบๆ ง่ายๆ แต่ตรึงความรู้สึกของผู้ชมไว้ได้ตลอดเรื่องผมว่าไม่ธรรมดาเลย

    สำหรับหนักแสดง ก็แสดงกันได้ดีเกือบทุกคน ทำให้รู้สึกได้ถึง บุคลิกของตัวละครแต่ละตัวได้อย่างชัดเจน โดยเฉพาะ พี่คนโต ที่ทั้งเป็นผู้นำ ทั้งอบอุ่น เป็นทั้งพี่และแม่ในตัว และน้องคนเล็กที่ทั้งสดใสร่าเริง ดูเข้มแข็ง แต่ก็ซ่อนปมบางอย่างไว้ในใจ


    ดูจบผมถามตัวเองว่า อยากชวนให้คนในครอบครัว ดูเรื่องนี้มั๊ย? อยาก อยากมากมั๊ย? อยากมาก นี่คือเหตุผลที่ให้ 5 ดาวครับ

    ถ้าดูไปซักครึ่งชั่วโมงแล้ว คุณยังเข้าไม่ถึงความรู้สึกของหนัง ผมคิดว่าอาจไม่จำเป็นต้องดูต่อ หนังเรื่องนี้อาจไม่ใช่สไตล์ของคุณครับ

    กระทู้ไปเที่ยว พัก อพาร์ทเม้นท์ : สบายกว่าโรงแรม ถูกกว่า โฮสเต็ล

    วันนี้ขอมาเสนอเทคนิคในการท่องเที่ยวที่ช่วยให้ทั้งประหยัด แต่กลับกินอยู่กันอย่างสบายๆยิ่งกว่าเดิม เป็นเทคนิคที่เหมาะกับการท่องเที่ยวในประเทศที่ค่าครองชีพสูงๆ เช่น ญี่ปุ่น หรือยุโรป ครับ

    หัวข้อว่า ถูกกว่าโฮสเต็ล ความจริงก็ไม่ได้ถึงกับถูกขนาดนั้นทุกครั้ง ทุกกรณีหรอกนะครับ แต่เท่าที่ประสบมารู้สึกว่าราคาคุ้มค่ามากเลย เมื่อเทียบกับพื้นที่ใช้สอย ความสะดวกสบายที่ได้รับ รวมถึงค่าอาหารที่ประหยัดได้อีก ยกตัวอย่างเช่น ห้องอพาร์ทเม้นท์ข้างล่าง เป็นที่พักปักหลักของพวกเรา สำหรับทริปใบไม้เปลี่ยนสีที่เกียวโตเมื่อ 3 ปีก่อน

    รูปในกระทู้นี้ผมอัพขนาดเต็มจอไว้ คลิกหรือ นิ้วแตะที่รูป เพื่อย่อ-ขยายรูปได้ครับ
    kyoto-apartment.jpg

    ห้องนี้พักได้สูงสุด 4 คน พื้นที่กว้างขวาง ห้องน้ำในตัว เครื่องซักผ้าแบบปั่นแห้งไม่ต้องตาก มีครัว โต๊ะอาหาร ไมโครเวฟ และสำคัญที่สุด หม้อหุงข้าว (ตัวการแห่งการประหยัด) และอยู่ห่างจากสถานีรถใต้ดิน เพียง 50 เมตร

    เรท 3 คนของห้องนี้ 17,xxx เยน ต่อคืน เท่านั้น ซึ่งราคานี้ ถ้าจะหาที่เป็นโรงแรม ก็อาจพอมีแต่หายากนิดนึง (แน่นอนว่าไม่มีสิ่งอำนวยความสะดวกที่ไล่เรียงข้างบน) และได้เป็นห้องแคบๆ หรือถ้าเป็น Hostel ก็อาจมีถูกกว่านี้ แต่เป็นห้องแบบเตียง 2 ชั้น ไม่มีห้องน้ำในตัว ครัวถ้ามีก็ต้องเป็นของส่วนรวมเช่นกัน
    สำหรับข้อมูล และรีวิวที่พักนี้ผมใส่ไว้ในกลุ่มปิดใน facebook ที่เพิ่งสร้างขึ้นมานะครับ เนื่องจากเค้ามีอยู่ไม่กี่ห้องคิดว่าน่าจะบอกต่อกันในกลุ่มเล็กๆดีกว่า ใครสนใจก็ไปขอ add เข้ากลุ่มได้ครับ
    กลุ่มรีวิวบุรี เฟสบุ๊ค

    ขอยกอีกตัวอย่างนึง ข้างล่างนี้เป็นห้องที่เมืองเล็กๆที่ชื่อว่า Grindelwald ใครที่เคยไปเที่ยวสวิสคงรู้จักเมืองนี้ดี

    grindelwald-apartment.jpg

    ห้องนี้ยิ่งกว่าอีกครับ เป็นห้องสูท แบ่งเป็นส่วนห้องนอน และส่วน living ซึ่งก็มี โซฟาตัวใหญ่ (นอนเพิ่มได้อีกคน) โต๊ะอาหาร ครัวใหญ่มาก อุปกรณ์ทำอาหารทุกอย่างครบ เตาอบ เตาไมโครเวฟมีหมด แม้กระทั้งเครื่องล้างจาน

    พวกเราได้เปิดหู เปิดตากับเครื่องล้างจาน ก็คราวนี้แหละครับ ใช้แล้วถึงได้รู้ว่ามันสะดวก และสะอาดมากๆ อยากซื้อมาใช้ที่บ้านแต่ดันไม่มีที่ตั้ง

    บ้านคนไทย คงมีน้อยคนที่จะมีเตาอบในบ้าน แต่ถ้าไปยุโรปเค้าจะมีเตาอบกันเกือบทุกบ้าน ดังนั้นก่อนไป คิดเผื่อไว้ก่อน ว่าจะทำอาหารอะไรด้วยตาอบก็ดีครับ ส่วนพวกเราก็ไปเรียนรู้หน้างานเอา :shy:

    ที่สำคัญทีสุด วิวจากหน้าห้อง เป็น Mountain View เต็มๆ ภูเขามันอยู่ใกล้มาก จนเวลาเห็นทีไรผมต้องถามตัวเองว่า มันอยู่ตรงนั้นจริงๆเหรอ คือถ้าอยู่เมืองไทยได้ห้องวิวขนาดนี้ราคาไม่รู้คืนละกี่หมื่นครับ

    เปิดประตูห้องมา ก็เจอแบบนี้เลยครับ ถ้าเทียบกับเมืองไทย เวลาไปเที่ยวทะเลจะพักแบบ Beach Front ราคาไม่รู้กี่หมื่น แต่ที่นี่ราคาแค่ 4 พันกว่าเอง
    view1.jpg view2.jpg view3.jpg


    เรทห้องนี้อยู่ที่ 100 - 140 CHF ต่อคืน ขึ้นกับช่วงเวลาที่เราไป ลองเทียบกับ เรทของ b&b ที่เมือง Interlaken คนไทยรู้จักกันดีชื่อ Rugenpark เรทห้อง tripple ของเค้าอยู่ที่ 140 - 165 CHF ซึ่งได้แค่ห้องนอนกับห้องน้ำส่วนตัวนะครับ ครัวต้องไปใช้รวมกับคนอื่น และแน่นอนไม่มีวิวอลังการแบบนี้

    อ่านต่อ...

    รีวิวThe Martian กู้ตาย 140 ล้านไมล์ : สุดยอดภาพยนต์แห่งปี 2015

    ให้คะแนน:
    5/5,
    (สุดยอด)
    ข้อเด่น - สร้างแรงบันดาลใจ ตัวอย่างของการไม่ยอมแพ้ต่ออุปสรรค์
    งานถ่ายทำยอดเยี่ยม ภาพสวย
    ข้อด้อย - ถ้าบิ้วอารมณ์ได้มากกว่านี้ก็จะดี
    ผมอาจไม่ได้ดูหนังมากมายอะไร แต่ในบรรดาหนังในปี 2015 ที่บังเอิญได้ดู ผมยกให้เรื่องนี้เป็นอันดับ 1 เลยครับ

    ถ้าพูดถึงความสนุกของเรื่องนี้ ก็มาจากการที่ได้คอยเอาใจช่วยพระเอกว่าจะมีวิธีเอาชีวิตรอดจากสถานการณ์ที่แทบจะสิ้นหวัง คือโดนทิ้งอยู่บนดาวอังคารคนเดียว และมีทรัพยากรที่จำกัดอยู่ได้อีกเพียงไม่นาน สื่อสารกับใครก็ไม่ได้เลย ใครๆก็คิดว่าเขาตายไปแล้ว (แปลว่าจะไม่มีทีมมาช่วยเหลือ) แต่เขาก็ค่อยๆแก้ปัญหาไปทีละเปราะ และพอถึงตอนจบ เราก็จะเข้าใจถึงสิ่งที่หนังเรื่องนี้พยายามจะสื่อ ที่จริงเรื่องของ ดาวอังคาร ทีมสำรวจ อวกาศ นาซ่า พวกนี้เป็นเสมือนแค่บรรจุภัณฑ์สวยๆ ที่ใช้ในการส่งต่อ "ของมีค่า" ชิ้นหนึ่งมาให้ผู้ชม นั่นคือ "แรงบันดาลใจ" ว่า "อย่ายอมแพ้" ไม่ว่าอุปสรรคนั้นจะยิ่งใหญ่แค่ไหนก็ตาม อยากให้ทุกคนตั้งใจฟังคำพูดของตัวละครในตอนจบให้ดี (ในคลาสเรียนของนักบินอวกาศ) สรุปสิ่งนี้ไว้ได้อย่างดีเยี่ยม

    การจบของเรื่องก็เป็นการจบที่น่าประทับใจครับ โดยปกติหนังที่จบดี หายากครับ ส่วนใหญ่ตอนจบมักจะเป็นส่วนที่โดนหักคะแนน แต่เรื่องนี้จบได้แบบลุ้นสนุกมาก

    สิ่งเล็กๆน้อยๆ อีกเรื่องที่ผมสังเกตเห็นและชอบมาก คือ การที่เขียนบทให้องค์การอวกาศของจีนยื่นมือเข้ามาช่วยด้วย รวมถึงภาพคนจีนมากมายที่ร่วมลุ้นเอาใจช่วย มันสะท้อนถึงมุมมองของคนอเมริกัน (หรืออย่างน้อยก็ผู้สร้างหนัง) ต่อจีน หรือคนอื่นที่แตกต่างจากตน ที่เริ่มเป็นไปในทางบวกมากขึ้น เข้าใจกันมากขึ้น

    โดยสรุปแล้ว เรื่องนี้ "ต้องดู" ครับ

    รีวิววัดคิโยะมิซุ (วัดน้ำใส) : ไม่ควรพลาดด้วยประการทั้งปวง

    ให้คะแนน:
    4/5,
    (แนะนำ)
    ข้อเด่น - เป็นวัดใหญ่ มีพื้นทีอาณาบริเวณกว้างขวาง ปลูกต้นไม้ร่มรื่น
    - เหมาะชม ทั้งใบไม้เปลี่ยนสี และ ซากุระบาน
    - เส้นทางเดินก่อนถึงตัววัดมีร้านค้ามากมาย เป็นแหล่งซื้อของฝากที่ดี
    สมัยตอนที่มาเที่ยวเกียวโตครั้งแรก ด้วยเหตุผลบางอย่าง พวกเราเกือบตัดวัดนี้ออกจากแผนกลางคันแล้ว โชคดีที่สุดท้ายไม่ได้ตัด ไม่งั้นคงต้องมานั่งเสียดายทีหลัง วัดนี้เป็นวัดใหญ่ ต่างจากวัดส่วนใหญ่ในเกียวโตที่เป็นวัดเล็กๆ รอบๆวัดก็มีปลูกต้นไม้ร่มรื่นมาก หลังจากเบียดนักท่องเที่ยวอื่นๆขึ้นไปชมวิวจากระเบียงใหญ่ของวัดแล้ว อย่าลืมลงมาเดินบริเวณด้านล่างของวัดด้วย ตรงส่วนนี้นอกจากร่มรื่นแล้ว ยังไม่ค่อยมีนักท่องเที่ยวมาเดินด้วย มีที่นั่งให้นั่งดื่มด่ำบรรยากาศร่มรื่น เงียบสงบดี ตอนที่พวกเราไปเป็นช่วงใบไม้เปลี่ยนสี สวยครับ แต่อาจไม่แดงแจ๊ดละลายใจเหมือนบางจุด

    ในส่วนทางเดินขึ้นไปที่วัด ไม่ต้องห่วงว่าจะรู้สึกไกลครับ เพราะมีร้านค้าขายของฝาก และ ขนมต่างๆมากมายตลอดทาง พวกร้านขายขนมมักจะเตรียมตัวอย่างให้ชิม ถ้าใครชอบกินขนมแบบพวกเรา ได้ชิมจนอิ่มแน่ :emb2::shy: ถ้ามาเช้าๆ ร้านต่างๆอาจยังไม่เปิด ก็ไปเที่ยววัดก่อน ออกมาค่อยมาเดินเล่นก็ได้

    วัด Kiyomizu ยังเป็นส่วนหนึ่งของ Higashiyama Walk หรือเป็นเส้นทางเดินเที่ยวที่สามารถทะลุไปถึง แถวสวนสาธารณะ Maruyama และ ย่าน Gion ด้วย ระหว่างทางก็ได้ผ่าน วัด/ศาลเจ้านู่นนี่นั่น และบ้านเรือนของคนแถวนี้ก็ออกแบบตกแต่งสไตล์ญี่ปุ่นเก๋ไก๋ เดินถ่ายรูปเพลินๆครับ ดังนั้นควรวางแผนมาเที่ยววัดนี้ช่วงเช้า แล้วเผื่อเดินไปถึงย่าน Gion ช่วงเย็น กินข้าวแล้ว ไปรอส่องเกอิชากับไมโกะที่นั่น (แผนนี้สำหรับคนเดินช้า เที่ยวช้า ถ่ายรูปเยอะ นั่งพักบ่อยนะครับ) เฉพาะตัววัดกับร้านค้าด้านนอกก็เผื่อเวลา 2-3 ชั่วโมงครับ (อันนี้แล้วแต่ว่าจริงจังกับการชิมขนมแค่ไหน)

    พาชมสวนด้านล่างวัด
    IMG_4689.jpg


    อ่านต่อ...

    รีวิวEx Machina พิศวาสจักรกลอันตราย : ไม่ใช่หนัง AI แบบทั่วๆไป

    ให้คะแนน:
    4/5,
    (แนะนำ)
    ข้อเด่น - เป็นหนัง Sci-fi ที่เน้นเรื่องของบทมากกว่าฉาก Action, CG
    - ผู้ชมได้คิดตามตลอดเวลา ไม่น่าเบื่อ
    - การถ่ายภาพ การจัดแสง ออกมาละเมียดละไม
    ข้อด้อย - บทพูดที่เกี่ยวกับทฤษฏีความฉลาดของ AI เร็วไปหน่อย บางครั้งจับใจความไม่ทัน
    ผมเห็นโปสเตอร์หนังเรื่องนี้มานานแล้ว แต่มองผ่านๆไปครับ เพราะคิดว่าเป็นพวกหนัง Sci-fi ตามกระแสตลาด เกรดรองๆ เพราะไม่ค่อยมีคนพูดถึง จนกระทั่งวันก่อนเห็นมีกระทู้หนึ่งในพันทิพย์ "10 ภาพยนต์ยอดเยี่ยมของนิตยสาร Time" และมีเรื่องนี้ติดโผอยู่ด้วย ไม่รอช้าครับ ผมรีบไปหามาดู แล้วก็ไม่ผิดหวังจริงๆ

    ถ้าใครคาดหวังจะได้ดูหนัง Action Sci-fi แบบ i Robot ตื่นเต้นลุ้นตลอดเรื่อง เรื่องนี้คงไม่ใช่ครับ เรื่องนี้เป็นหนังที่เน้นบท (ซึ่งก็ไม่รู้ว่าจะเรียกว่าดราม่า ได้หรือเปล่านะครับ) ตลอดเรื่องมีแต่บทพูด แต่มันไม่น่าเบื่อ เพราะหนังมันทำให้เราต้องคิด และตั้งคำถามไปตลอดเรื่อง ผมดูไปก็นั่งคิดไป หรือจะเป็นอย่างงี้ หรือจะเป็นอย่างงั้น อันนี้จริงมั๊ย หรืออันนี้หลอก ผมพยายามคิดไปถึงการหักมุมแบบสุดๆ แต่ผู้กำกับอย่างกะรู้ว่าผมคิดอะไร อุตส่าห์มีฉากเฉลยให้ด้วยว่าที่ผมคิดอ่ะมันไม่ใช่

    เรื่องเล็กๆน้อยๆเพิ่มเติม ที่ผมชอบ
    - บ้านพักตากอากาศที่ทำอยู่ติดกับน้ำตก ไอเดียกระฉูด ผมก็เคยฝันถึงบ้านแบบนี้อยู่เหมือนกัน
    - หุ่นยนต์ตัวเอก ดูมีเสน่ห์ดี

    รีวิวปราสาทมัตสึโมโตะ (Matsumoto castle) : เดินถ่ายรูปชิลๆ

    ให้คะแนน:
    3/5,
    (ธรรมดา เฉยๆ)
    ข้อเด่น - ถ่ายรูปสวย
    ข้อด้อย - ขึ้นด้านบนปราสาทคิวยาว บันไดชัน ไม่เหมาะกับผู้สูงอายุ และผู้มีปัญหาหัวเข่า
    เดินไกล
    จุดที่สวยๆมีไม่มากนัก
    แหมม ดูรีวิวก่อนหน้าแล้วชักเสียดายที่ตัดสินใจลงมาก่อนครับ ถ้าได้ขึ้นไปถ่ายรูปข้างบนไม่แน่ผมอาจให้ 4 ดาวก็ได้

    เวลาไปเที่ยวก็จะมี 2 ส่วนคือภายนอกปราสาท กับ ขึ้นไปบนตัวปราสาท ซึ่งภายนอกก็จะมีบริเวณรอบๆ ที่ให้ชื่นชมตัวปราสาท เดินถ่ายรูปชิลๆ ปราสาทถ่ายรูปขึ้นครับ รูปออกมาสวยดี แต่ก็ไม่ได้กว้างขวางอะไร ใช้เวลาไม่นานก็เดินครบ ส่วนด้านในปราสาทก็จะเป็นบันไดเดินวนขึ้นไปเรื่อยๆทีละชั้น เราต้องถอดรองเท้าใส่ถุงพลาสติกแล้วเดินถือขึ้นไป ตอนที่ไปคนเยอะครับ คิวมันเคลื่อนตัวไปอย่างช้าๆ ระหว่างทางก็ทำคล้ายๆพิพิธภัณฑ์ แสดงพวกภาพวาดบ้าง อาวุธ ชุดเกราะโบราณ พอดีไม่ใช่แฟนพันธ์แท้พวกนี้ เลยรู้สึกเฉยๆ พอขึ้นไปชั้นบนๆ บันได้จะชันขึ้นเรื่อยๆ ถึงจุดหนึ่งเลยตัดสินใจลงดีกว่า กลัวว่าขืนขึ้นไปอีกเดี๋ยวจะลงลำบากเปล่าๆ ดังนั้นผมไม่สามารถ comment วิวข้างบนได้ สรุปว่าบนปราสาทถ้าคิดจะขึ้นก็ขึ้นไปให้สุดเลย ไม่งั้นก็ไม่ต้องขึ้นเลย ถ้ามีผู้สูงอายุไปด้วย อาจให้นั่งรอข้างล่างก็ได้ครับ

    ตอนซื้อบัตรเค้ามีแผ่นพับภาษาไทยด้วยนะครับ (พวกเราก็ใจร้อน รีบไปบอกเค้าว่าเอาภาษาอังกฤษ แบบว่านึกไม่ถึงว่าจะมีภาษาไทย)

    ปราสาทนี้ ถ้าเดินจากสถานีรถไฟก็ไกลอยู่ น่าจะกิโลกว่าๆ ถ้ามีเน็ตก็เปิด google map แล้วเดินตามไปก็ได้ครับ แต่ถ้าจะนั่งรถเมล์ มันก็มีระยะทางที่ต้องเดินระหว่างป้ายรถเมล์กับปราสาทอยู่ดี สรุปเดินเอาง่ายสุด

    ไม่แนะนำถ้าใครจะนั่งรถไฟมาจากโตเกียวเพื่อเที่ยวที่นี่ที่เดียวแล้วนั่งกลับ เพราะมันต้องนั่งเกือบ 3 ชั่วโมงนะครับ แล้วที่นี่มันก็เป็นจุดเล็กๆ เที่ยวแป๊บเดียวก็จบ แต่ถ้าจะมาเที่ยวอะไรที่จังหวัดนากาโนะอยู่แล้วก็ลองแวะมาครับ

    [​IMG]
    [​IMG]
    [​IMG]

    [​IMG]

    รีวิวGame of Thrones มหาศึกชิงบัลลังก์ : สนุกดี ชวนติดตาม

    ให้คะแนน:
    4/5,
    (แนะนำ)
    ข้อเด่น - การเขียนบทและการดำเนินเรื่องที่ค่อนข้างน่าติดตาม
    - มีการลงทุนใช้คอมพิวเตอร์กราฟฟิคที่สมจริง
    ข้อด้อย - ไอเดียหลักไม่มีอะไรใหม่ เป็นเรื่องการการชิงบัลลังก์ที่คล้ายหนังจีนสมัยก่อน แต่ผสมด้วยอภินิหารต่างๆแบบ Lord of The Ring
    ซีรีย์เรื่องนี้เป็นหนึ่งใน 5 เรื่องที่ผมแนะนำใน กระทู้ 5 สุดยอดซีรีย์ฝรั่งที่ต้องดู

    ตอนดูซีซั่นแรก รู้สึกได้อารมณ์แบบดูหนังจีนแนวชิงบัลลังก์เลย ประมาณว่าคนดีกลับถูกใส่ร้าย ส่วนคนชั่วเถลิงอำนาจ แต่พอดูต่อซีซั่น 2 ก็เริ่มรู้สึกสนุกขึ้น บทและการดำเนินเรื่องเริ่มน่าติดตาม นอกจากนี้ตัวหนังยังถูกแต่งแต้มให้ดูมีสีสันมากขึ้นด้วย 4 สิ่งต่อไปนี้

    1. ฉากเซ็กซ์ที่โจ๋งครึ่ม เท่าที่ผมสังเกตุ คนดูจะได้ดูสรีระของหญิงสาวที่เป็นตัวละครหลักเกือบทุกคน จะมีเว้นก็แต่ เด็ก และ ผู้สูงอายุ ที่คงไม่ค่อยมีใครอยากดู

    2. ฉากที่น่าสยดสยอง การตัดหัวคน ที่มีภาพให้เห็นแบบจะๆ หรือภาพร่างกายคนถูกตัดเป็นท่อนๆ คนถูกถลกหนัง

    3. อภินิหารต่างๆ ซึ่งทำให้รู้สึกคล้ายๆดูเรื่อง Lord of The Ring มีกองทัพปีศาจ มีมังกร และคงจะมีตามมาอีกหลายๆอย่างในซีซั่นต่อๆไป

    4. การเขียนบทให้ตัวละครหลักถูกฆ่าตาย แบบที่คนดูไม่ทันตั้งตัว เป็นเทคนิคที่ทำให้คนดูอยากติดตามเรื่องราวมากขึ้น ซึ่งผมเห็นการใช้เทคนิคนี้ใน Walking Dead มาแล้ว แต่เรื่องนี้ดูจะหนักกว่าเยอะเลย ดังนั้นแนะนำให้ทำใจไว้ด้วยนะครับ



    ข้อ 1 กับ 2 เป็นเหตุผลหลักที่ไม่แนะนำให้เด็กดู รวมถึงผู้สูงอายุที่เคร่งจารีตด้วย ไม่เหมาะอย่างยิ่งครับ

    สรุปเรื่องนี้ ดูแล้วมันก็ติดเหมือนกัน แต่ไม่มากให้ 4 ดาวครับ

    รีวิวThe Walking Dead เดอะวอล์กกิงเดด : สนุก ชวนติดตาม

    ให้คะแนน:
    5/5,
    (สุดยอด)
    ข้อเด่น - การเขียนบทที่ดี มีความเป็นดราม่าสูง ทำให้ไม่รู้สึกซ้ำซาก แม้ว่าจะมีภาพยนต์แนวซอมบี้แบบนี้มากมาย
    - การดำเนินเรื่องสนุก ตื่นเต้น
    - เทคนิคการถ่ายทำที่สมจริง
    ข้อด้อย - - ไม่เหมาะกับเด็ก เนื่องจากมีฉากที่รุนแรงหลายฉาก โดยเฉพาะในซีซั่น 4 เป็นต้นไป
    - เรื่องราวในแต่ละซีซั่นเริ่มจะดูวนๆ ถ้ายังเป็นแบบนี้ต่อไปก็จะเริ่มซ้ำซากแล้ว
    ซีรีย์เรื่องนี้เป็นหนึ่งใน 5 เรื่องที่ผมแนะนำใน กระทู้ 5 สุดยอดซีรีย์ฝรั่งที่ต้องดู

    ความจริงมีหนังโรงแนวซอมบี้อยู่เยอะแล้ว แม้เรื่องนี้จะเป็นซีรีย์ละครชุด แต่แนวคิดก็ไม่ได้ใหม่อะไรเลย แต่พอได้ดูแล้ว กลับไม่ได้รู้สึกว่ามันซ้ำซากแต่อย่างใด คงเป็นเพราะการเขียนบทที่ดี ความแตกต่างคือมันไม่ใช่หนังที่เน้นเรื่องของแอ๊กชั่น หรือ CG (ถึงแม้ CG เรื่องนี้จะทำได้ค่อนข้างดีก็ตาม) แต่สิ่งที่ผู้เขียนบทดูจะใส่ใจและให้รายละเอียดมากคือ การจินตนาการว่า "สภาพการณ์" ที่เกิดขึ้นในเวลาจะเป็นอย่างไร "สังคมมนุษย์" จะเป็นอย่างไร "คน" ที่เหลือรอดอยู่ จะอยู่กันอย่างไร ท่ามกลางสภาพการณ์แบบนั้น

    ประเด็นใหญ่ที่หนังเรื่องนี้บอก คือ ในสภาพที่ไร้ขื่อแป สิ่งที่น่ากลัวที่สุดก็คือ "คน" ด้วยกันเอง ส่วนพวกซอมบี้นั้น เป็นสิ่งที่สามารถเรียนรู้ที่จะรับมือได้ไม่ยากเย็นนัก เพราะพวกมันก็เหมือนสัตว์ป่าที่ทำทุกอย่างตามสัญชาติญาณเท่านั้น

    หลายๆครั้งที่หนังได้โยนประเด็นหนักๆกลับมาที่คนดูได้ขบคิด เช่น ครั้งหนึ่งพระเอกซึ่งเป็นผู้นำของกลุ่ม ต้องเลือกระหว่างการมอบผู้หญิงหนึ่งให้กับกลุ่มคนไม่ดี ซึ่งคาดเดาได้ว่าเธอจะต้องถูกทรมานจนตาย หรือ เลือกที่จะสู้กับกลุ่มคนไม่ดีเหล่านั้น ซึ่งก็หมายถึงการบาดเจ็บล้มตายของคนในกลุ่มที่ฝากชีวิตไว้กับเค้า ควรจะเลือกอะไร ระหว่างสิ่งที่ถูกต้อง กับ ชีวิตของของคนดีๆอีกหลายคน แล้วการรักษาชีวิตของคนดีๆหลายคน จะถือเป็นความถูกต้องหรือไม่?

    เพราะฉนั้นจะเห็นว่าเรื่องนี้มีความเป็นดราม่าค่อนข้างเยอะเหมือนกัน ผสมผสานด้วยความตื่นเต้นของการวิ่งหนีซอมบี้ CG ที่สมจริง และการดำเนินเรื่องที่สนุก ชวนติดตาม ทำให้เรื่องนี้ค่อนข้างสมบูรณ์แบบ

    สิ่งหนึ่งที่ต้องทำใจ สำหรับคนที่คิดจะดูเรื่องนี้คือ คนเขียนบทมักเลือกให้ตัวละครหลักตายแบบที่คนดูไม่ทันตั้งตัว ซึ่งการสร้างความสะเทือนใจแบบนี้ ดูเหมือนจะเป็นลูกเล่นอย่างหนึ่งของผู้สร้าง

    มีบางประเด็นที่ผมติดใจอยู่คือ

    1. บางครั้งมื่อตัวละครหลักตาย และกลายเป็นซอมบี้ พวกเค้าฆ่าซอมบี้ตนนั้นด้วยความจำใจ และเศร้าโศกอย่างที่สุด มีฝังศพอย่างสมเกียรติ แต่เวลากับซอมบี้ตนอื่น พวกเค้ากลับไม่ได้ให้เกียรติแบบเดียวกัน บางครั้งผมเห็นเหล่าตัวละครหลักฆ่าซอมบี้ด้วยสีหน้าที่มีรอยยิ้ม ดูเหมือนพวกเค้าจะลืมไปว่าซอมบี้เหล่านั้นก็อาจเป็นครอบครัวของใครบางคนเช่นกัน

    2. พ่อแม่ผู้ปกครองไม่ควรให้เด็กๆดูเรื่องนี้เป็นอันขาด ในซีซั่นแรกๆบางท่านอาจเห็นว่าฉากน่ากลัวก็จะฉากเกี่ยวกับซอมบี้ซะส่วนใหญ่ แต่ตั้งแต่ซีซั่น 4 ช่วงหลังๆ จะมีฉากที่รุ่นแรงกว่านั้น ตัวอย่างฉากรุนแรงขอเขียนใน spoiler นะครับ
    เช่น ฉากที่ตัวละครหลักถูกตัดหัวอย่างสยดสยอง หรือเรื่องราวของกลุ่มคนที่กินเนื้อคนด้วยกันเอง

    3. เท่าที่ดูมาถึงซีซั่น 5 ผมเริ่มรู้สึกว่าเรื่องราวแต่ละซีซั่นมันเริ่มจะมีแบบแผนบางอย่าง ซึ่งต้องรอดูซีซั่นต่อไปก่อน ถ้าขืนยังเป็นอย่างงี้อยู่ก็จะถือว่าซ้ำซากแล้วครับ
    คือไปเจอแหล่งพักพิงที่ปลอดภัยที่นึงแล้วก็เจอคนไม่ดี ที่พักนั้นแตก ซอมบี้เข้ามา แล้วก็รอนแรมจนไปเจอที่ใหม่ แล้วก็เจอคนไม่ดี แล้วก็แตกอีก
  • เกี่ยวกับ

    เป็นคนชอบใช้เวลาว่าง ดูหนัง ดูซีรีย์ เล่นเกมบ้างบางครั้งครับ แต่สิ่งที่ล่อเลี้ยงชีวิตอยู่ทุกวันนี้ก็คือการออกท่องเที่ยวปีล่ะ 1-2 ครั้ง ส่วนใหญ่ไปเที่ยวต่างประเทศมากกว่า เพราะอยากไปเห็นอะไรที่แตกต่างครับ

    เป็นคนช่างเลือกพอสมควร จะให้ 5 ดาวไม่ใช่เรื่องง่ายๆนะครับ ยกตัวอย่างเช่น สถานที่ๆว่าสวยนั้น ผมแบ่งเป็น 2 ระดับ คือระดับที่ๆความสวยรับรู้ได้แค่ตา และอีกระดับคือความสวยนั้นรู้สึกเข้าไปถึงใจเลย ซึ่งการเยี่ยมเยือนสถานที่เหล่านี้นี่แหละครับคือช่วงเวลาที่แสนวิเศษของชีวิต

    รสนิยมการท่องเที่ยวคือวางแผนและไปกันเอง ไปกับพี่สาวและคุณพ่อเป็นส่วนใหญ่ เมื่อออกทริปหลายๆครั้ง เราก็เริ่มรู้จักรสนิยมของตัวเองมากขึ้น คือนอกจากจุดหมายต้องสวยจับใจแล้ว การเดินทาง ที่พักก็ต้องสะดวกสบายด้วยครับ มันถึงจะสามารถเติมเต็มให้เป็นประสบการณ์ที่น่าจดจำ อย่างไรก็ตามเรายังเลือกที่จะท่องเที่ยวอย่างประหยัดด้วย ทริปแต่ละครั้งของเราถูกกว่าไปกับทัวร์แน่นอนครับ