X-Men: Apocalypse

โดยส่วนตัวแล้วไม่เคยดู X-men ภาคใดๆเลย แต่พอมีเรื่องนี้เข้าโรง ยิ่งจากชื่อหนัง Apocalypse แล้ว ยิ่งคิดไปไกลว่า ต้องเป็นจุดจบโลกหรืออะไรทำนองนี้แน่นอน คาดว่าน่าจะเล่นใหญ่ ก็เลยลองไปดูกับเขาบ้าง ถึงแม้รีวิวอาจจะค่อนไปทางลบก็ตาม

ก่อนเข้าโรงรู้แค่ว่าเป็นหนังที่เกี่ยวกับการต่อสู้ระหว่างมนุษย์กลายพันธุ์กับมนุษย์กลายพันธุ์ที่หลับใหลที่รอการตื่นมานานหลายปี แค่นี้จริงๆค่ะ ไม่ได้ศึกษาตัวละครอื่นก่อนเลย

เนื้อเรื่องปูมาค่อนข้างดีค่ะ ดูได้เรื่อยๆ เข้าใจไม่ยากเท่าไหร่ บอกที่มาของตัวละครแต่ละตัวได้โอเค แต่บางตัวที่เราไม่รู้จักเลย ตอนโผล่มาก็มีงงๆนิดหน่อย อ่าวนี่คือใครเหรอ? แต่ก็ไม่ได้มีผลกระทบต่อการดูหนังมากขนาดดูไม่รู้เรื่อง แต่ก็ทำให้เข้าถึงหนังไม่สุดได้เหมือนกัน

สิ่งที่ประทับใจที่สุดในเรื่องคือ ฉากบู๊ที่มีเทคนิคและเอฟเฟกต์อย่างจัดเต็ม (ชอบที่สุดตอนฉากย้ายคนออกมาจากอาคาร ดูสมจริงมากกกกก) แต่ส่วนที่รู้สึกว่าทำให้เรื่องดรอปลงไปคือตัวร้าย จบกันง่ายไปหน่อย T_T

ตอนแรกเรากลัวที่จะไปดู เพราะในอินเตอร์เน็ต กระแสแบ่งออกเป็นสองฝ่ายชัดมากระหว่างสนุกมากกับไม่สนุกไปเลย

ซึ่งสุดท้ายเราก็เลือกที่จะดูนะ แล้วก็พบว่า

เฮ้ยยย มันสนุกนะ เอาจริงๆ คือถ้าดูในแง่รายละเอียด จริงอยู่ที่การปูเรื่องออกจะนานไปนิดนึง แต่เราก็เพลินไปกับมันนะ ไม่ถึงกับเบื่อกับเซ็งอะไรเลย

ข้อด้อยเดียวของหนังแฟรนไชส์ X-Men คือ ถ้าไม่ดูภาคก่อนๆมาจะงงนิดหน่อย(บางคนก็มากเลยแหละ)
ถ้าไม่อยากงง เราแนะนำให้ดูภาค First Class กับภาค Day of future past แค่นี้ก็พอตามเรื่องได้แบบไม่สะดุดแล้วค่ะ

ส่วนเอฟเฟคในหนังก็ทำได้ดีจริงๆ ฉากมันดูแล้วให้ความรู้สึกเว่อร์มากกกกกก แต่ก็สมจริงมากเช่นกัน

ไปดูกันเถอะ มันสนุกจริงๆค่ะ :)

บอกไว้เลยครับว่า X-Men: Apocalypse ถ้าไล่กันจริงๆ ก็ต้องนับไปว่า เป็นเรื่องราวที่เกิดก่อนภาคอื่นๆที่ทำออกมาก่อนทั้งหมด

และเป็นภาคแรกที่ ใช้นักแสดงที่รับบทเหล่ามนุษย์กลายพันธุ์ตอนวัยรุ่นหรือวัยเด็กโดยไม่มี นักแสดงที่รับบทตอนโตและตอนวัยกลางคนมาปะปน ยกเว้น วูฟเวอร์รีน ที่ ยังใช้ฮิวจ์ แจ็คแมนมารับบท เนื่องจาก วูฟเวอร์รีนเป็นอมตะ จะกี่ปีก็หน้าตาเหมือนเดิม

X-Men: Apocalypse ยังเป็นภาคที่ เน้นไปในการต่อสู้ระหว่างมนุษย์กลายพันธุ์กับมนุษย์กลายพันธุ์โดยไม่ค่อยมีมนุษย์ธรรมดามาเกี่ยวข้องสักเท่าไร

สิ่งที่โดดเด่นในเรื่องนี้คือ เทคนิคพิเศษ ที่จัดจ้านมากๆ ทำออกมาได้เนียนราวกับว่า โอเปร่าเฮาส์ พังจริงๆ ร่วมถึงอีกหลายๆฉากที่ทำออกมาได้ดีมากๆ

ด้านบท ก็ค่อนข้างดี แต่ก็วกวนและยืดเยื้อพอสมควร รวมถึงตัวละครบางตัวที่ แบบ ภาคก่อนดีแสนดี ภาคนี้อย่างร้าย หรือบางตัวภาคอื่นๆกับภาคนี้ มีการดำเนินชีวิตที่ต่างกันมากทั้งที่เป็นตัวละครตัวเดียวกัน

ด้านนักแสดงก็ทำได้ดีตามมาตรฐาน

สรุปโดยรวม

ผมชอบด้วยอาจชื่นชอบหนังสายนี้เป็นทุน และดูแล้วก็ยังสนุก บันเทิง ตลก และสร้างแรงบันดาลใจ อยู่เสมอ

แต่ไม่รู้จะใจร้ายไปไหมถ้าจะบอกว่า ภาคนี้ ผมดูสนุกน้อยกว่า ภาคก่อนๆ

แต่ก็เป็นกำลังใจสำหรับภาคต่อๆไปนะครับ

และอย่าลืม ว่า ดูหนัง Marvel แล้วเมื่อจบอย่ารีบลุก เพราะมี หนังสั้นๆต่อท้ายหลังเครดิตเสมอ

ด้วยมิตรภาพ
'พล มูฟวี่ ไรเดอร์
250559

คะแนน
7/10