ภาพยนตร์หลังจากได้รางวัลภาพยนตร์ยอดเยี่ยมเรื่อง Birdman จากเวทีออสการ์ของผู้กำกับอย่างอิญาร์ริรู เรื่องราวของนายพรานที่โดนเพื่อนหักหลังให้ตายอยู่ในป่าเพียงลำพังแต่เขากลับไม่ตายและหาทางกลับไปเพื่อแก้แค้น เรารอเรื่องนี้มากค่ะ เข้าไปดูเพราะพี่ทอม ฮาร์ดี้คนโปรดของเรา แล้วยิ่งภาพโปรโมทออกมากับตัวอย่างที่ตัดออกมาโคตรดี ทำไมตัดดีขนาดนั้น ยิ่งทำให้ความอยากดูเพิ่มสูงมากขึ้น โดยตั้งเป้าไว้ว่ามันจะต้องเป็นหนังที่ดูมันและสนุกแน่นอน เอาจริงๆเรื่องก่อนหน้าอย่าง Birdman เราก็ไม่ค่อยเข้าใจหรอกนะแต่ตอนดูมันเดือดมาก ทำให้คิดว่าเรื่องนี้ก็ต้องออกมาสนุกมากเช่นกัน สิ่งแรกที่ต้องชมสำหรับเลยคือการถ่ายภาพ คือภาพสวยมากกกก ไม่รู้ไปหาโลเคชั่นแบบนี้จากไหน และการรอคอยให้ได้แสงที่ดีที่สุดถึงถ่ายนี่แบบ ยอมใจ แค่เข้าไปดูภาพก็คุ้มยิ่งกว่าอะไรแล้ว ภาพมันสวยมากจริงๆ แบบหนังภาพโหดๆมาโดนล้างตาด้วยภาพธรรมชาติสวยงาม โอเค555 เราปรับอารมณ์ก็ได้5555 ต่อมาที่ต้องชมคือการแสดงของขุ่นพี่ลีโอนาร์โด ดิคราปริโอ้ตัวเรียกแขกของเรา โอ้โหวววว อะไรจะสมจริงๆขนาดนั้น พี่แกเหมือนเป็นนายพรานจริงๆมีความดิบเถื่อนและนึกภาพตอนถ่ายทำนี่โคตรลุย การแสดงออกความเจ็บปวด ขยะแขยง ลงทุนมากในทุกฉาก ยอมเลย บอกเลยว่าเรื่องนี้รวมดาวนักแสดงดีเลยนะมีแต่คนที่เราชอบ พี่ลีโองี้ พี่ทอมงี้ พี่ดอห์มนัลงี้ พอใจสุด พี่ทอมก็เล่นดิบดี ร๊ายร้ายทำไมต้องร้ายขนาดนี้555 แต่เหมือนเคยอ่านเจอว่าในฉบับหนังสือเขาทะเลาะกันเพราะแย่งปืนกระบอกเดียวนะเออ5555555 เอาจริงๆเรื่องนี้ดูสนุกทั้งเรื่อง มันว้าวหลายฉาก อย่างฉากสู้หมีในตำนาน ฉากม้า ฉากหนีลงแม่น้ำ ฉากสู้กันระหว่างสายน้ำ เออเยอะอ่ะคือดูสนุก แต่ถ้าให้พูดตรงๆบางฉากเราอยากหลับมาก ด้วยความที่หนังมันสนุกมาก แต่เพราะยาวนี่แหละ ตรงน่าเบื่อก็เลยมีเยอะเหมือนกัน เพราะงั้นเรื่องนี้ดูสนุก มัน แต่ถ้าเรื่องบทเราเฉยๆ มันไม่มีอะไรมาก เรื่องนี้เด่นตรงภาพกับงานแสดงนี่แหละ
เป็นหนังแนว Survival ครับ ชื่อภาษาไทย "ต้องรอด" ผมว่าตั้งได้เหมาะเจาะตามแนวของหนังจริงๆ สิ่งที่ผมไม่ชอบสำหรับหนังแนวนี้คือ พล็อกเรื่องที่เรียบง่าย ซึ่งเรื่องนี้ก็เป็นอย่างงั้นจริงๆ แต่ถ้าเทียบกับเรื่องอื่นๆในแนวเดียวกันอย่าง Cast Away, The Shallow, 127 hours เรื่องนี้มีบทเยอะกว่าพอควรเลยแหละ เพราะมีประเด็นเรื่องการแก้แค้นคนชั่วเข้ามาร่วมด้วย ในทางกลับกัน สิ่งที่ผมชอบในหนังแนวนี้คือ การได้คอยเอาใจช่วยตัวเอกให้เอาตัวรอดจากอุปสรรคให้ได้ ซึ่งเรื่องนี้ก็ทำได้ดีเช่นกัน ลุ้นตลอด ไม่มีเบื่อเลย ดูเผินๆอาจเป็นหนังที่ไม่ต้องใช้เทคนิคถ่ายทำมาก แต่จริงๆแล้วผมว่าเทคนิคเรื่องนี้ไม่ธรรมดาเลย ฉากที่หมีขย้ำคนนี่ผมยังสงสัยอยู่ว่าเค้าถ่ายทำอย่างไง มันเหมือนจริงมากๆ (ฉากที่ขี่ม้าตกเหวก็เช่นกัน) ในส่วนของทิวทัศน์ ภูมิประเทศ ก็งดงาม จับใจมาก เห็นแล้วอยากไปเที่ยว (แต่กลัวหมี กับหนาวตายก่อน) โดยสรุป เรื่องนี้ดูสนุกครับ แนะนำๆ
ความรู้สึกตอนแรกคือเรื่องนี้ไม่ใช่แนวที่ชอบดูเลย แต่ก็ลองดูค่ะ เรื่องของเรื่องคือ ในช่วงแรก ฮิวจ์ กลาส (ลีโอนาร์โด ดิคาปริโอ) และผู้ร่วมกลุ่ม จะโดนกลุ่มชนเผ่าพื้นเมืองไล่ล่า แล้วก็ต้องหนีสิ่งต่างๆเพื่อเอาตัวรอด ตามล่า และแก้แค้นคืน ตัวบทเองก็ดูเรียบๆ ไม่มีหักมุม ไม่มีหักหลังคนดูแต่อย่างใด แต่สิ่งที่พีคสุดของเรื่องนี้ ยกให้กับการแสดงของลีโอนาร์โดไปเลย ทั้งสีหน้า แววตา ทุกอย่างลงตัวและสมจริงมากๆ ที่สุดคือไม่รู้ว่าจะอึดถึกทนไปถึงไหน เจอทั้งโดนไล่ฆ่า เจอหมีกระซวก เจอเรื่องสะเทือนใจมากมาย แถมยังต้องทนบาดเจ็บอยู่ในที่หนาวๆอีก เป็นคนธรรมดาก็คงยอมตายตั้งแต่โดนไล่ฆ่าละ ... ในเรื่องของฉากและมุมกล้อง ฉากในเรื่องนี้ก็จะอยู่ในป่าที่มีแต่สีขาวโพลนของหิมะ แค่นี้ก็ดูหนาวจะตายอยู่แล้ว ส่วนมุมกล้องช่วงที่ต่อสู้นี่ ส่วนตัวคิดว่าทำออกมาได้ดีมาก มันทำให้เราลุ้นไปด้วยในหลายๆตอนเลย หักคะแนนตรงที่บางจุดรู้สึกว่าหนังหน่วงๆไปหน่อย แอบเบื่อเล็กน้อย ทั้งๆที่เรื่องควรจะรวบรัดได้มากกว่านี้
ข้อด้อย - พูดพื้นเมืองเยอะมาก ชนิดที่ เป็นบทสำคัญของเรื่องแทบทั้งนั้น แล้วขึ้น ซับ อังกฤษ อย่างเดียวแถมใน DVD ตัวเล็กมาก ดีว่าพอแปลข้างๆคูๆได้ ไม่งั้น งง ทั้งเรื่อง
บางครั้งเราก็ต้องให้ ออสก้า ชี้เป้าหนังให้เราบ้าง ผมได้รู้จักภาพยนตร์เรื่องนี้ จากกระแส ออสก้า ไม่งั้น คงข้ามผ่าน เพราะดูจากภาพผ่านๆเหมือนจะไม่ใช่แนว เมื่อมีข่าวไปพัวพันกันเจ้าตุ๊กตาทอง จึงทำให้รูข้อมูลของหนังมากขึ้น จนถึงขั้นอยากดู แต่ก็กว่าจะคิดได้ หนังก็ออกจากโรงไปแล้ว จนต้องรอ DVD ออกแล้วซื้อมาชม ภาพรวม โลเกชั่นถ่ายทำ ดีมาก โหดมาก สวยมาก มันดูแบบ ดินแดนอันถูกสาปจริงๆ การสนทนา อย่างที่บอก ใช้ภาษาพื้นเมืองเยอะ ซึ่งมักเป็นส่วนสำคัญของเรื่อง ต้องฟื้นความรู้ English มานั่งอ่าน ซับกันพอสมควร การวางโครงเรื่องก็อาจหาญนัก ที่มองผ่านๆแทบไม่มีอะไรน่าสนใจ แต่เมื่อตั้งจิตแน่วแน่ในการชมแล้ว มีนช่าง เข้าถึงจริงๆ ฉากตัวเอก ฟัด กับตัวร้าย ผมถึงกับ อยากตีกบาลตัวร้ายซะเดี๋ยวนั้น และฉากหมีทำร้ายคนที่ก็โหดแบบเข้าใจเลยว่า สมัยก่อนทำไมคนต้องกลัวหมีเวลาเดินป่า นักวิจารณ์ หลายท่าน บอกว่าหนัง เรื่องนี้ บท ธรรมดา แต่โปรดักชั่นอลังการ กับอีกเรื่อง ที่เข้าชิง บทอลังการแต่โปรดักชั่น ธรรมดา เมื่อผลรางวัลออกจึงเป็นการแบ่งบันที่ลงตัว โดยรวม สำหรับผม The Revenant คือหนังที่ผมคิดว่า ไม่เสียดายเงินที่ซื้อ DVD มาดู ความรู้สึกมันบอกว่า หนังเรื่องนี้ แม้จะนานเกือบ 3 ชั่วโมง แต่เป็นเกือบ 3 ชั่วโมงที่ ล่องลอย และรู้สึกว่า ได้ดูภาพยนตร์ ที่ เหมาะจะเรียกว่า ภาพยนตร์ ได้เต็มปาก ด้วยมิตรภาพ 'พล มูฟวี่ ไรเดอร์ 270459 คะแนน 9/10
The Revenant ถูกยกให้เป็นหนังตัวเก็งออสการ์ 2016 ที่มาแรงเรื่องหนึ่ง ด้วยการถูกเสนอชื่อเข้าชิงถึง 12 สาขารางวัล ผู้กำกับ,อเลฮานโดร อิญาร์ริตู ยังเคยคว้ารางวัลภาพยนตร์ยอดเยี่ยมในปี2014จากเรื่อง Birdman และยังแป็นเรื่องที่น่าลุ้นว่าลีโอนาโด ดิคาปริโอจะได้ออสการ์(สักที)หรือไม่ The Revenant เป็นหนังเซอร์ไววัลแบบแมนๆ, เป็นแบร์ กริลล์เวอร์ชั่นภาพสวย, เป็นหนังที่ใช้งานดิคาปริโอได้คุ้มที่สุดเท่าที่มีมา 70% ของเรื่องเป็นการกระเสือกกระสนเอาตัวรอดของฮิวจ์ แกลส(ลีโอนาโด ดิคาปริโอ)นับตั้งแต่ฟัดหมี,คลานขึ้นจากหลุมศพ,หลบการตามล่าของชนพื้นเมือง,ล้มลุกคลุกคลานกลางหิมะ ฯลฯ แม้บทจะไม่ได้ ‘ขยี้’ตัวละครแกสลเท่าไหร่ แต่ดิคาปริโอก็แสดงออกมาได้ยอดเยี่ยม ให้100เต็ม100เรื่องความทุ่มเท เช่นเดียวกับ ทอม ฮาร์ดี้ในบทฟิทช์เจอรัลได้ดีไม่แพ้กัน งานภาพเป็นอีกเรื่องที่ไม่พูดถึงไม่ได้ถ่ายเก็บบรรยากาศป่าสนท่ามกลางหิมะขาวโพลนได้งามราวภาพศิลป์จนแทบไม่น่าเชื่อว่าถ่ายในแสงธรรมชาติ ได้ทั้งความรู้สึกสวย ยิ่งใหญ่ และเย็นยะเยือกไปพร้อมกัน อีกทั้งใช้เทคนิคแบบLong Takeเข้ามาร่วมด้วยซึ่งนับว่าน่าตื่นตาทีเดียว ฉากแอคชั่นแม้มีไม่มากนักแต่ก็เป็นส่วนที่ชอบเป็นการส่วนตัว แอคชั่นใน The Revenant นั้นไม่หวือหวา แต่เรียลและน่าหวาดเสียวเป็นที่สุด ยิงเป็นยิง,สับเป็นสับ เห็นกันจะ ๆ ไม่หลบมุมกล้องและดนตรีที่เข้ามาประกอบก็ช่วยเสริมบรรยากาศให้ลุ้นจนแทบไม่ติดเก้าอี้ อย่างไรก็ตาม,เมื่อเทียบกับหนังเรื่องที่ผ่านมาของผู้กำกับอิญาร์ริตู บทออกจะหลวมและ”แวะข้างทาง”บ่อยไปสักนิด ทำให้หนังยาวร่วมสามชั่วโมง(2ชั่วโมง 36 นาที) ทั้งที่ควรจะกระชับได้มากกว่านี้ บทพูดน้อย-เล่าเรื่องด้วยภาพเยอะคนดูต้องมีสมาธิและเอาใจเข้าหาหนังพอสมควร สรุป : 9.5/10