1. นี่มันเว็บอะไรกัน??? ทำความรู้จักคร่าวๆกับ รีวิวบุรี คลิกเลย

The Pursuit of Happyness

คะแนนเฉลี่ย:
5/5,
คำบรรยาย:
ภาพยนตร์ที่ได้รับแรงบรรดาลใจมาจากเรื่องจริงของคริส การ์ดเนอร์ ชายหนุ่มที่ต้อนร่อนเร่ขายเครื่องแสกนกระดูกจนแทบมีเงินไม่พอใช้ในแต่ละเดือน เขาประสบกับปัญหาทางการเงินอย่างรุนแรงจนถึงขั้นไม่มีที่อยู่ แต่แล้วก็ได้พบกับอาชีพใหม่ที่อาจทำให้เขามีอนาคตที่ดีขึ้น นั่นทำให้เขาตัดสินใจเข้าร่วมอบรมคอร์สการเป็นโบรกเกอร์ด้านการเงิน

แบ่งปันหน้านี้

คุณล่ะ? ให้กี่ดาว เลือกเลย ➜:
/5,
  1. trebeilnahoj
    ให้คะแนน:
    5/5,
    (สุดยอด)
    [​IMG]
    เป็นหนังอีกเรื่องที่ได้ยินหลายคนชมตลอดว่าดี เราก็ว่าเออ น่าสนใจดีแฮะ วิล สมิธกับลูกของเขา555 คิดว่าจะดูสักวันนึง แต่ด้วยความที่คิดว่าหนังมันจะดราม่าร้องไห้ไหลเป็นสายเลือดเลยไม่ถึงเวลาโอกาสที่เหมาะที่จะหยิบมาดูสักที กลัวจบเศร้าด้วยแหละ แต่ไปอ่านเจอที่ไหนไม่รู้โดย(บังเอิญ) อีกแล้ว และพบว่ามันจบดีนี่หว่า เลยคิดว่าน่าจะเป็นหนังที่ฮีลได้ดีพอสมควร

    เรื่องราวว่าด้วย "คริส การ์ดเนอร์" ชายหนุ่มผู้กำลังประสบปัญหาการเงินอย่างรุนแรง หลังจากเขาลงทุนไปกับเครื่องแสกนกระดูกที่แทบจะขายไม่ได้ เขาก็ขาดดุลทางการเงินในแต่ละเดือนทันที โดนไล่ออกจากที่อยู่ เมียทิ้งเพราะทนสภาพไม่ไหว และแล้วเขาก็ได้พบกับอาชีพใหม่ ที่เขาฝากความหวังไว้กับมัน นั่นคือ "โบรกเกอร์" เขาตัดสินใจรับความเสี่ยงทั้งหมดแล้วลงคอร์สเรียนที่จบไปก็อาจจะไม่ถูกจ้างทำงานก็ได้

    ก็การแสดงของวิล สมิธก็ดีเลยนะ เราว่าเขาดูเป็นตัวละครนั้นดี ทะเยอทะยาน พยายาม แล้วยิ่งเอาลูกตัวเองมาเล่นมันเลยยิ่งเคมีเข้ากันน่ะนะ555 เวลาฉากที่ต้องอยู่ด้วยกันนี่คือแบบ อบอุ่นหัวใจเหลือเกิน เป็นการฮีลลิ่งที่ดีมาก ๆ เรื่องนี้ไม่ได้มีฉากดราม่าหรือใส่อารมณ์มาก แต่ฉากในห้องน้ำเล่นเอาเสียน้ำตาตามเลย คือวิลเล่นได้โอเคเลย ไม่เว่อวังมากเกินไป แต่จะพูดไปบางฉากนี่ก็สุดเกิ้น มันดูไม่เรียลเอาซะเลย คนวิ่งอย่างสุดชีวิตกลางเมืองเนี่ยนะ555 เราว่ามันตลกเกิน555

    [​IMG]
    ภาพ เพลง โอเค ภาพไม่ได้สวยสะดุดอ่ะ เพลงก็ไม่ได้มีอะไรมาก แต่สองอย่างนี้ก็ไม่ได้ทำออกมาแย่ ก็ระดับปกติ เรื่องบท นอกจากฉากวิ่งที่เราบอกไปอันอื่นก็ไม่ดูตลกนะ เรารู้สึกว่ามีคนประสบปัญหาแบบนี้อยู่จริง ๆ ซึ่งแค่ดูก็เหนื่อยแล้วอ่ะ ต้องใช้ชีวิตแบบมองไม่เห็นทางข้างหน้า ไม่รู้ว่ามันจะเป็นยังไง แล้วก็ต้องดิ้นรนอยู่ทุกวันนี้ ทั้งไปส่งลูกที่รับฝากเลี้ยง ไปฝึกงาน กลับไปรับลูก นั่งรถเมล์ เพื่อไปต่อแถวคิวยืนรอที่พักฟรี คือเหนื่อยมากอ่ะ

    สรุปคือเป็นหนังที่ฮีลมากอ่ะ เหมือนบอกเราว่าอย่ายอมแพ้ สู้ต่อไป คุณไม่ใช่คนเดียว คือหนังมันไม่ได้เดินเรื่องแบบบีบอารมณ์บิ้วนะ มันดูเป็นชีวิตประจำวันปกติจริง ๆ แล้วมันดูได้ไม่เบื่ออ่ะ เป็นหนังที่ดูแล้วคงได้กำลังใจสู้ชีิวิตต่ออ่ะ ยิ่งฉากจบคือสวยงามมากอ่ะ อยากให้หลาย ๆ คนที่กำลังท้อได้ดูกัน

    "อย่าให้ใครมาบอกว่าลูกทำอะไรไม่ได้" คือดีมากอ่ะ ไปดูกันเถอะค่ะ
คุณล่ะ? ให้กี่ดาว เลือกเลย ➜:
/5,

แบ่งปันหน้านี้