1. นี่มันเว็บอะไรกัน??? ทำความรู้จักคร่าวๆกับ รีวิวบุรี คลิกเลย

Revolutionary Road

คะแนนเฉลี่ย:
5/5,
คำบรรยาย:
เรื่องราวของครอบครัวที่สมบูรณ์แบบอย่างคู่ของแฟรงค์และเอพริล เป็นครอบครัวน่ารักที่มีลูกน้อย 2 คนและมีรายได้ที่มั่นคง แต่เอพริลก็รู้สึกได้ว่ามันไม่ใช่ชีวิตที่เธอต้องการ เลยตัดสินใจจะย้ายไปอยู่ปารีส ทำงานเป็นทูต และให้โอกาสให้แฟรงค์ได้หาว่าตัวเองอยากจะทำอะไรในชีวิตนอกจากนั่งทำงานที่ไม่ชอบไปวันๆกันแน่

แบ่งปันหน้านี้

คุณล่ะ? ให้กี่ดาว เลือกเลย ➜:
/5,
  1. trebeilnahoj
    ให้คะแนน:
    5/5,
    (สุดยอด)
    [​IMG]
    เราใช้เวลาดูหนังเรื่องนี้นานนนนมาก ดูไปครึ่งนึงแล้วทิ้งไปสักสองสามเดือนได้มั้ง ยอมรับเลยว่าเป็นหนังที่ไม่ค่อยถูกจริตเท่าไหร่ น่าเบื่อมากๆ แต่สุดท้ายก็คิดว่าเอาวะ ดูไปตั้งครึ่งเรื่องแล้วเว้ย ทนดูต่อให้จบก็ได้วะ ไหนๆก็ยืมแผ่นเพื่อนมาแล้วด้วย และเราก็พบว่าครึ่งหลังของหนังที่เราทิ้งไม่ยอมดูไปสองสามเดือนเนี่ย มันคืออะไรที่ถูกจริตเรามาก และกลายเป็นว่าเราอินกับหนังสุดๆ อินจนนั่งตั้งใจดูมากๆ

    เรื่องราวของแฟรงค์และเอพริล คู่รักสามีภรรยาที่มีชีวิตอยู่อย่างสุขสงบ มีลูก 2 คน อยู่ในบ้านที่เป็นของตัวเอง แฟรงค์มีหน้าที่การงานการเงินที่มั่นคง ทุกอย่างดูเป็นไปได้ราบรื่นและน่าจะมีความสุข แต่เอพริลกลับไม่คิดอย่างนั้น เธอไม่รู้สึกว่าชีวิตที่เธอมีอยู่นั้นเรียกได้ว่ามีความสุข เธอจึงเริ่มคิดแผนการบางอย่างที่จะทำให้ชีวิตครอบครัวเปลี่ยนไป เธอตัดสินใจที่จะย้ายไปอยู่ปารีส ให้ตัวเธอทำงานเป็นทูต และสามีได้ใช้ชีวิตตามหาสิ่งที่ตัวเองชอบ แผนทุกอย่างดูเป็นไปได้ดี ทั้งคู่ดูมีความสุขกับการตัดสินใจนี้ แต่แล้วเรื่องราวมันกลับไม่ได้ดำเนินไปได้ง่ายแบบนั้น

    เอาจริงๆเรื่องย่อแบบนี้ดูทั่วไปมาก ถ้าไม่ได้ชื่อนักแสดงและผู้กำกับมาช่วยไว้ก็อาจจะไม่มีใครเลือกดู เพราะนักแสดงก็เป็นคู่ขวัญที่หลายคนรู้จักกันดีอย่างเคท วินสเลตและลีโอนาร์โด ดิคาปริโอ้ และผู้กำกับก็คือแซม เมนเดสที่ได้ฝากผลงานเด็ดๆไว้หลายเรื่องเหมือนกัน ถ้าเราไม่เห็นชื่อนักแสดงชื่อผู้กำกับก็คงไม่สนใจที่จะดูเหมือนกัน เรื่องนี้เซ็ตฉากอยู่น่าจะประมาณช่วงปี 60-80 ดูจากการแต่งตัวและการเซ็ตฉากต่างๆ เปิดเรื่องด้วยการเกริ่นว่าตัวละครสองตัวมาพบกันได้ยังไง และเกิดอะไรขึ้นบ้างคร่าวๆ แล้วก็เข้าเรื่องถึงแผนการที่จะย้ายบ้าน ในช่วงแรกอย่างที่เราบอกแล้วว่าเบื่อมากๆ ก็เพราะว่ามันปูเรื่องอย่างเดียว เน้นบทพูดเป็นส่วนใหญ่ และมันไม่ได้มีเหตุการณ์อะไรให้น่าตื่นเต้นเลย

    [​IMG]
    พอเข้าช่วงหลังของเรื่องก็จะเริ่มดราม่าละ เพราะว่าตัวละครทั้งสองตัวเจอปัญหาแล้ว จากแฟรงค์ที่เบื่อและไม่ชอบงานของตัวเองก็ได้รับการเสนอเลื่อนตำแหน่งที่สูงขึ้น ส่วนเอพริลก็ดันท้องขึ้นมาทำให้ความฝันนั้นเรียกได้ว่าจะต้องหยุดไป คือพอเข้าพาร์ทนี้จะเครียดหนักละ ตัวละครระเบิดใส่กันแทบจะทุก 5 นาที คือทะเลาะกันตลอดเพราะความไม่เข้าใจกันของอีกฝ่าย เป็นหนังที่อึดอัด คือดูแล้วเครียดจริงๆ เพราะงั้นพูดได้เต็มปากเลยว่าบทหนักหน่วงมาก ใครที่ไม่ชอบหนังเนื้อหารุนแรง ฉากใส่อารมณ์ เนื้อหาที่ดราม่าอึดอัดนี่น่าจะไม่ไหว คือเราดูแล้วอึดอัด เครียดมากๆ มันอินมากๆเลยแหละ นักแสดงทำได้ดีมาก ดึงตัวเองออกมาได้ดี คือดูแล้วเหมือนได้ดูคู่รักจริงๆ มีมิติในตัวมันเอง เป็นคนที่เป็นคนน่ะนะ

    เรื่องภาพคือสวย มันโหวงๆเหวงๆหวิวๆ ผลงานการถ่ายของเฮียโรเจอร์ ดีกินส์ คือด้วยความที่เรื่องนี้เล่นแสงสีภาพอะไรไม่ได้เยอะหรอกมันเลยอาจไม่ได้มาสเตอร์พีซเหมือนงานถ่ายภาพอื่นๆของเขา แต่เราว่าดูแล้วเพลินตาเลย ภาพสวยมากๆอยู่ดี เพราะงั้นโดยรวมหนังทำออกมาได้ดีเลย ถึงช่วงแรกๆจะน่าเบื่อมากๆ แต่พอเข้าเนื้อเรื่องหลักจริงๆแล้วระเบิดอารมณ์ใส่กัน การปูเรื่องก่อนหน้านั้นมามันก็ช่วยเสริมเหตุการณ์เข้าไปอีก กลายเป็นว่าจากตอนแรกที่รู้สึกว่าจะไม่ชอบก็กลายเป็นชอบมากๆ

    เราไปอ่านบทรีวิวบทวิเคราะห์ที่มีเพียงน้อยนิดมา หลายคนจะบอกว่าแบบเพราะเอพริลไม่พอใจในชีวิต ไม่ว่ายังไงก็จะไม่พอใจ เหมือนเขาจะโทษว่าคนผิดคือเอพริลหน่อยๆแหละมั้ง เราก็เข้าใจได้แหละ แต่ในมุมมองของเราเราเข้าใจตัวละครของเอพริลมากกว่า ถ้าชีวิตที่เป็นอยู่มันไม่ใช่ก็ไม่อยากอยู่หรอก มันอยากหนีและอยากลองเริ่มต้นดูใหม่ดูสักครั้ง มันผิดอะไรกับการที่ฝันที่จะได้ใช้ชีวิตที่ยิ่งใหญ่กว่านี้ เราไม่ค่อยเข้าใจเหตุผลของคนที่ให้มีความสุขกับเพียงสิ่งที่มีอยู่ เพราะถ้าให้เราใช้ชีวิตน่าเบื่อๆแบบนั้นไปตลอดชีวิตเรายิ่งไม่เห็นคุณค่าของชีวิตมากกว่าเดิมอีก เพราะงั้นเราว่าหนังเรื่องนี้ถ้าคนที่มีทัศนคติต่างกันมาดูน่าจะมองและวิเคราะห์ตัวละครต่างออกไป อย่างตัวเราเราเข้าข้างเอพริลในการเริ่มต้นใหม่และเข้าใจการกระทำในตอนท้ายเรื่อง เพราะเรามีแนวคิดชีวิตค่อนข้างคล้ายกับเอพริลเลย ซึ่งเราก็ตระหนักถึงความคิดแบบนี้ของเราได้นานแล้ว พอได้ดูหนังเรื่องนี้มันเลยยิ่งอึดอัดเข้าไปใหญ่ เพราะเรารู้ว่าสุดท้ายเอพริลจะตัดสินใจที่จะทำอะไร และเรารู้ว่าเราไม่อยากให้มันเป็นแบบนั้น แต่ยิ่งดูไปเหตุการณ์หลายอย่างมันก็ช่างสนับสนุนให้มันเกิดขึ้นเสียเหลือเกิน
คุณล่ะ? ให้กี่ดาว เลือกเลย ➜:
/5,

แบ่งปันหน้านี้