Life is beautiful: ยิ้มไว้โลกนี้ไม่มีสิ้นหวัง

สำหรับผมแล้ว ภาพยนตร์เรื่อง Life is beautiful เป็นภาพยนตร์ที่ดีมาก ๆ เรื่องหนึ่งครับ ถึงแม้ตอนแรกตัวเอกของเรื่องจะดูพูดมากน่ารำคาญ และมีหลาย ๆ ฉากที่ดูเวอร์เกินไป แต่ในท้ายที่สุดแล้ว ถ้าเราดูแบบไม่เครียดจนเกินไป ภาพยนตร์เรื่องนี้จะให้ข้อคิดดี ๆ มากมายกับเราครับ

ภาพยนตร์เรื่องนี้ แสดงให้เห็นถึงความโหดร้ายของสงคราม ไม่ว่าคุณจะเป็นเพศไหน อายุเท่าไหร่ หากคุณเป็นชาวยิว คุณจะไม่ถูกยกเว้น ทุกคนต้องถูกส่งเข้าค่ายแรงงาน เพื่อไปทำงานอย่างหนักให้กับฝ่ายเยอรมัน (ดูฉากที่อยู่บนรถตอนเดินทางไปค่ายแรงงาน)

หลาย ๆ ฉากในภาพยนตร์แสดงให้เห็นถึงสภาพการทำงานภายในค่ายแรงงาน ว่าโหดร้ายมากแค่ไหน หากคุณถูกจับ คุณจะต้องยกของหนัก ๆ หลายกิโลกรัม อยู่ภายในสภาพอากาศที่ร้อนอบอ้าวทั้งวัน เมื่อกลับไปถึงโรงนอนที่แสนจะแออัด วิธีพักผ่อนที่ดีที่สุดทำได้แค่เพียงนอนเบียดเสียดกัน ซึ่งภาพยนตร์ก็แสดงให้เห็นถึงความเสียสละของตัวเอกของเรื่อง ซึ่งในฐานะที่เป็นพ่อ ไม่ว่าจะทำงานหนัก ไม่ว่าจะเหนื่อยมากแค่ไหน กลับมาถึงโรงนอนก็ต้องคอยยิ้มให้ลูกเห็น คอยพูดคุยเพื่อให้ลูกสบายใจ ไม่ให้ลูกเกิดความหวาดกลัวต่อสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นรอบตัว

บางฉาก ภาพยนตร์เรื่องนี้แสดงให้เห็นว่าตัวเอกของเรื่องที่ดูอารมณ์ดี มองโลกในแง่ดี ยิ้มรับกับทุกเรื่อง ไม่ได้เป็นอย่างที่เราเห็น เขาเองก็มีความกลัวเช่นกัน (แอบถามเพื่อน ฯลฯ) ยิ่งตอกย้ำจุดมุ่งหมายหลักของภาพยนตร์เรื่องนี้ว่าต้องการแสดงให้เห็นถึงความเสียสละของพ่อที่มีต่อลูกชาย (ดูสนุกดูร่าเริงต่อหน้าลูก แต่จริง ๆ แล้วลึก ๆ ตัวเองก็กลัว)

​

เราเห็นมีหลายคนที่ยกย่องความดีงามและชื่นชมหนังเรื่องนี้มากมาย แต่เราก็เห็นมีคนที่แสดงความเห็นในอีกแง่นึงเหมือนกันซึ่งทำให้เราสนใจจะดูหนังเรื่องนี้ขึ้นมา ที่จริงก็เห็นใน iflix มาสักพักแล้วแหละ อยู่บนหน้าแรกตบอดเลยพอเข้าใจได้ว่าเป็นหนังดีที่หลายคนชอบ

เราไม่ชอบค่ะ บอกก่อนเลยเพราะน่าจะด่ามากกว่าชม
เราเกลียดกุยโดตัวละครพ่อมาก หลายคนอาจจะมองว่าเขาเป็นตลก มองโลกในแง่ดี แต่สำหรับเราเป็นตัวละครที่น่านำคาญ ไม่มีมารยาท แล้วดูจากการกระทำต้นเรื่องเป็นคนที่พร้อมจะโกงเราได้ตลอดเวลา การกระทำทั้งต้นเรื่องของเขาเราไม่ชอบเลย และพยายามมองว่ามันเป็นหนังคอมเมดี้แล้วก็พยายามยอมรับ

​

พอเข้าช่วงเข้าค่ายเรารำคาญตัวแม่มากเลย ไปทำไมให้โง่วะไม่เข้าใจ เบื่อ รำคาญ ดูละแบบช่วยมีสติรอพวกเขากลับมาดีกว่าเสี่ยงไปตายป่ะวะครับ เกิดสองคนนั้นรอดตัวเองไม่รอดน่าแย่กว่าเดิมนะ เราว่าเป็นฉากที่พยายามบอกว่าครอบครัวนี้รักกันมากนะที่ใส่ออกมาโง่ไปหน่อย

ถ้าเราเป็นเพื่อนร่วมค่ายเราคงเบื่อ รำคาญมาก กุยโดช่วยมีมารยาทแล้วหุบปากด้วย ถ้าจะให้ลูกสบายใจช่วยอย่าทำให้คนอื่นเดือดร้อนด้วย เราอาจจะมองโลกในแง่ดีนะ แต่เป็นเราเราจะบอกความจริงไป แล้วพยายาม encourage ว่ามีทางรอดมากกว่า เราเห็นหลายคนบอกถูกแล้วที่หลอกแต่เราแบบ ให้ตายสิไม่ชอบเลย

ตอนจบจริงที่ใครหลายคนบอกเศร้าเสียน้ำตานี่เราไม่รู้สึกอะไรเลย5555 ด้วยความเกลียดกุยโดอยู่แล้วเลยไม่แปลกใจเพราะพลาดเองช่วยไม่ได้ โลกสงครามจริงๆมันไม่สวย ทั้งๆที่เราร้องไห้ง่ายมากนะ แต่เรื่องนี้เราเฉยชามาก ตอนจบก็เอ้อเหรอลืมกันเร็วดีเนอะ กุยโดก็ยังไม่ใช่คนดีในสายตาเรา พ่อที่ดีอาจจะใช่ แต่ไม่ใช่มนุษย์ที่ซื้อตรงแน่นอน อาจมองว่าเขาฉลาด มีไหวพริบ ก็จริงแหละแต่เอามาใช้ผิดๆหน่อยนะ เจอในหนังอาจดูเออสนุกดี แต่เจอในชีวิตจริงก็ไม่โอนะ ผู้หญิงก็เหมือนโดนทริคง่ายๆหลอกตลอด คือขอโทษค่ะแต่เราไม่ชอบจริงๆ

ที่ให้คะแนนเพราะคิดว่าเอออย่างน้อยมันก็ดูได้แหละวะ และน่าจะมีคนชอบซึ่งน่าจะเฉลี่ยออกมาประมาณนี้ แต่พอดูจบความรู้สึกเราคือเราไม่รู้สึกว่าสงครามน่าหดหู่และน่าเสียใจ และไม่รู้สึกด้วยว่าเราสามารถใช้ชีวิตอย่างมีความสุขมองแง่ดีได้ เราไม่รู้สึกว่าเรื่องนี้ให้อะไรเราเลย จบค่ะ