ใครจะไปเที่ยวที่นี่แนะนำให้ไปให้ถูกฤดูกาลจะดีกว่านะครับ จะอยู่ในช่วงราว ๆ ปลายเดือนมิถุนายน ถึงเดือนสิงหาคม เพราะว่าช่วงนั้นดูจากในภาพแล้ว บริเวณอุทยานแห่งชาติป่าหินงามน่าจะเขียวชอุ่มเพราะได้รับน้ำจากน้ำฝนนั่นเองครับ และดอกกระเจียวซึ่งเป็นพระเอกของอุทยานแห่งชาติฯ ก็จะเริ่มบานอีกด้วย แต่หากใครไปเที่ยวนอกฤดูแบบผม ถ้าไม่ซีเรียสเรื่องอากาศร้อนก็ยังพอมีไฮไลท์อย่างอื่นที่พอจะเที่ยวได้อยู่ครับ อย่างที่บอกไปตอนแรกครับ ถ้าไปเที่ยวตามฤดูกาลก็จะเป็นฤดูที่ดอกกระเจียวบาน ซึ่งผมลองถามพ่อค้าแม่ค้าที่ขายอาหารตามสั่งอยู่บริเวณทางขึ้นอุทยานนั้นก็พูดเป็นเสียงเดียวกันว่า ถ้าเป็นในช่วง High season รถจะเยอะมาก จนในบางช่วงบางตอนของวันถึงกับติดเลยก็มี แต่ถ้าเป็นฤดูที่ผมมานี้ นอกจากจะไม่มีรถแล้ว ยังแทบไม่มีอะไรให้เที่ยวอีกด้วย 555 ก่อนเข้าอุทยานฯ ก็ต้องเสียค่าผ่านทางกันก่อนครับ ค่าผ่านทางเท่าไหร่จำไม่ได้ครับ จำได้แค่ว่าอัตราทั่ว ๆ ไป ไม่ได้แพงอะไรมากนัก มองไปรอบ ๆ ไม่มีรถใครเลยนอกจากรถผม ในฤดูร้อน ภายในอุทยานแห่งชาติป่าหินงามแห่งนี้ ไม่ว่าจะมองไปทางไหนก็ดูร้อนไปหมดครับ บริเวณที่เป็นทุ่งดอกกระเจียวก็กลายเป็นเหมือนทุ่งหญ้าแห้ง ๆ สีน้ำตาล สีเหลือง สลับ ๆ กันไป ไม่มีความสดชื่นใด ๆ ทั้งสิ้น จุดที่พอจะเที่ยวได้ในฤดูร้อนก็คงเป็น “ผาสุดแผ่นดิน” ซึ่งวิวข้างบนนั้นสวยงามสุด ๆ เห็นได้ชัด 360 องศา ที่สำคัญ ข้างบนนั้นลมแรงมาก สำหรับผมแล้ว ไม่ได้เห็นทุ่งดอกกระเจียวแต่ได้เห็นวิวที่ผาสุดแผ่นดินก็ถือว่าคุ้มครับ นอกจากจะมีวิวที่สวยงามแล้ว ด้านบนยังมีเส้นทางให้นักท่องเที่ยวเดินศึกษาธรรมชาติอีกด้วย แต่ช่วงที่ผมไปอากาศร้อนมาก ๆ จึงไม่ได้ทำการเดินศึกษาธรรมชาติแต่อย่างใดครับ ยังไงใครที่จะไปเที่ยวที่อุทยานฯ ก็ลองวางแผนดูดี ๆ นะครับว่าจะไปช่วงไหน