James

จังหวัดอำนาจเจริญเป็นจังหวัดที่ค่อนข้างเล็ก ดังนั้นโรงแรมที่พักดี ๆ จะหากันยากอยู่สักหน่อยครับ ถ้าไม่ได้จองล่วงหน้าอาจเกมได้เหมือนกัน

วันนี้จึงมีอีกหนึ่งทางเลือกสำหรับคนที่ต้องเดินทางไปเที่ยวหรือทำธุระ แล้วต้องค้างคืนที่จังหวัดอำนาจเจริญครับ ขอแนะนำเป็นโรงแรม Route202 ที่ทั้งสะอาด สงบและราคาถูก แถมอยู่ไม่ไกลจากตัวเมืองอีกด้วย



Route202 เป็นโรงแรมขนาดเล็ก มีคุณลุงกับคุณป้าคอยดูแลอยู่ การพูดคุย สื่อสารอะไรอาจจะช้า ๆ นิดนึงนะครับ คงไม่อาจไปเทียบกับบรรดามืออาชีพตามโรงแรมใหญ่ ๆ ได้ แต่ก็ไม่ได้แย่นักครับผม ยังบริการและคอยช่วยเหลือแขกเมื่อมีเหตุจำเป็นได้อยู่ครับ

ภายในห้องพักมีอุปกรณ์อำนวยความสะดวกครบครันและอยู่ในสภาพที่ดี ใครที่เช็คอินดึก ๆ ก่อนเช็คอินแนะนำให้ซื้ออาหารมาตุนไว้ด้วยก็ดี เพราะถ้าหิวขึ้นมานี่แทบจะหมดสิทธิ์เลย ต้องขับรถออกไปข้างนอกอย่างเดียว เนื่องจากบริเวณใกล้เคียงที่พอจะเดินไปถึงนั้นเท่าที่ดูไม่น่าจะมีร้านสะดวกซื้อตั้งอยู่เลย



ในเรื่องของอาหารเช้านั้น ที่โรงแรมแห่งนี้ไม่มีบริการอาหารเช้าครับผม ต้องออกไปหาเอาเองข้างนอก ส่วนเรื่องอื่น ๆ อย่างเช่นพวกที่จอดรถอะไรก็ไม่มีปัญหาครับ กว้างขวางดี

ถ้าถามถึงข้อเสียของที่นี่ นอกจากเรื่องของอาหารการกินซึ่งอาจหายากหน่อยอย่างที่ได้กล่าวไปด้านบนแล้ว น่าจะเป็นเรื่องของห้องน้ำที่ดูเก่าไปนิด น้ำอาจจะไหลเบาไปสักนิด ซึ่งจริง ๆ แล้วก็ไม่ได้แย่อะไรนักครับ ถึงจะดูเก่า แต่ก็สะอาดอยู่

ราคาของโรงแรมแห่งนี้อยู่ที่ประมาณ 500-600 บาทครับผม

วัดภูมินทร์ตั้งอยู่ในเขตอำเภอเมืองน่าน ดูเผิน ๆ เหมือนเป็นวัดเล็ก ๆ แต่จริง ๆ แล้ววัดแห่งนี้มีของดีมากมายทีเดียวครับ



เริ่มจากพระอุโบสถจตุรมุข ซึ่งว่ากันว่าเป็นพระอุโบสถจัตุรมุขแห่งแรกในประเทศไทย พูดง่าย ๆ ก็คือเป็นพระอุโบสถที่มีทางเข้าถึง 4 ด้านด้วยกัน แล้วความพิเศษนอกจากนั้นก็คือ ภายในพระอุโบสถจะมีพระพุทธรูปอยู่ถึง 4 องค์ ซึ่งแต่ละองค์ก็จะหันพระพักตร์ไปทาง ทางเข้าทั้ง 4 ทิศ ดังนั้นไม่ว่าเราจะเข้าทางไหนก็จะมองเห็นพระพักตร์ขององค์พระพุทธรูปเสมอครับ



นอกจากนี้ภายในพระอุโบสถก็ยังมีจิตรกรรมฝาพนังที่ขึ้นชื่อ นั่นก็คือ “ฮูบแต้ม” ซึ่งแน่นอนว่ารูปที่เด่นที่สุดก็คือรูปของปู่ม่าน ย่าม่าน ที่กำลังกระซิบกันอยู่ (เขาว่ากันว่าเป็นการกระซิบรัก) ซึ่งใครที่เข้าไปชมภาพจิตรกรรมฝาผนังดังกล่าว ก็อาจจะเจอคุณลุงท่านหนึ่ง แกจะอยู่ตรงนั้นเป็นประจำ คอยท่องกลอนเป็นภาษาล้านนาและแปลเป็นภาษาไทยให้นักท่องเที่ยวฟัง



นอกจากตัวพระอุโบสถแล้ว ที่วัดภูมินทร์ยังมีจุดที่น่าสนใจอีกแห่ง นั่นก็คือสถูปเจดีย์พระมาลัยโปรดโลก ซึ่งภายในสถูปดังกล่าวจะจัดแสดงเกี่ยวกับนรกจำลอง ใครอยากเห็นว่านรกเป็นยังไงก็ลองเข้าไปชมดูได้

ภายในวัดยังมีจุดจำหน่ายของที่ระลึก ซึ่งก็มีของที่ระลึกหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นหนังสือที่บรรยายเกี่ยวกับ “ฮูบแต้ม” โดยจะเล่าถึงรูปแต่ละรูปเป็นเรื่องเป็นราวยาวเหยียดเลยล่ะครับ นอกจากนี้ก็ยังจะมีธนบัตรขวัญถุง รูปภาพที่ระลึก Postcard พวงกุญแจ ฯลฯ

ข้อดีมากมายก็ต้องมีข้อเสียบ้างครับ ข้อเสียของที่นี่คือถ้าไปตอนกลางวันจะร้อนมาก เพราะภายในวัดแทบจะไม่มีร่มไม้เลย แนะนำให้พกร่ม พกหมวกไปด้วยละกันครับผม

ใครที่มีโอกาสได้ไปเที่ยวจังหวัดแพร่ แนะนำให้ต้องพักที่โรงแรมแห่งนี้ครับ “อนันตยา โฮม”



อนันตยา โฮม เป็นโรงแรมเล็ก ๆ แต่ไม่ได้มีลักษณะเป็นตึกแถวนะครับ ตั้งอยู่ในแถบชานเมืองของจังหวัดแพร่ ผู้คนเลยไม่ค่อยพลุกพล่านเท่ากับในตัวเมือง ถือว่าเป็นโรงแรมที่มีบรรยากาศค่อนข้างดีอีกแห่งหนึ่ง เมื่อไปถึงจะรู้สึกปลอดโปร่งโล่งสบายอย่างบอกไม่ถูก



ห้องพักของที่นี่สภาพดี สะอาดและถูกตกแต่งอย่างสวยงามด้วยสไตล์ที่ไม่ค่อยเหมือนใคร คือมีอ่างล้างหน้าอยู่กลางห้องเลยจ้า ไม่ได้อยู่ในห้องน้ำแต่อย่างใด



ถ้าได้ห้องฝั่งทิศตะวันตกก็จะมองเห็นวิวภูเขาและทุ่งนาอยู่ลิบ ๆ ตื่นมาตอนเช้ามองออกไปก็จะชิลมาก เหมาะแก่การไปพักผ่อนแล้วใช้ชีวิตแบบ Slow life สุด ๆ

โรงแรมมีอาหารเช้าให้บริการแต่ไม่ได้เป็นแบบ Buffet ครับ จะเป็นลักษณะของอาหารจานเดียว มีเมนูให้เลือกประมาณ 5-6 เมนู ส่วนใครที่อาจจะหิวดึก ๆ ข้างหน้าก็มีร้านอาหารอยู่ เข้าใจว่าน่าจะเป็นเจ้าของเดียวกับทางโรงแรมครับ ซึ่งร้านนี้ก็ไม่ได้ขายแค่อาหารเพียงอย่างเดียว ยังมีเครื่องดื่มแอลกอฮอล์และกาแฟด้วยครับ นอกจากร้านนี้แล้ว ตอนผมไปพักก็ไม่เห็นร้านอื่นแล้วนะ รวมถึงพวก 7-11 หรือ FamilyMart ก็ไม่เห็นครับ

บริเวณหน้าโรงแรมจะมีถนนที่ค่อนข้างกว้างและรถไม่ค่อยพลุกพล่าน ใครที่เป็นสายสุขภาพ ตอนเช้า ๆ สามารถออกไปวิ่ง jogging ได้เลย ส่วนใครที่ไม่อยากเหนื่อยมากก็อาจไปเดินเล่นชมสวนของทางโรงแรมซึ่งปลูกพวกผักสวนครัวเอาไว้ได้

ข้อเสียที่พอมองเห็นบ้างของโรงแรมแห่งนี้ก็คือ มีรั้วติดกับบ้านของชาวบ้าน ซึ่งตามประสาชาวบ้านก็อาจมีตั้งวงเหล้าแล้วพูดคุย หรือเปิดเพลงกัน ทำให้เสียงอาจดังมารบกวนได้ แต่ก็ไม่ได้หนักหนาสาหัสอะไรครับ

*โรงแรมแห่งนี้ราคาเบา ๆ แค่หลักร้อย

ถ้าหากพูดถึงสถานที่ท่องเที่ยวที่ขึ้นชื่อที่สุดในจังหวัดพะเยา แน่นอนว่าต้องหนีไม่พ้น “กว๊านพะเยา” ทะเลสาบที่ใหญ่ที่สุดในภาคเหนือ

เห็นเป็นสถานที่ขึ้นชื่อแบบนี้ หลาย ๆ คนคงคิดว่า ที่พักดี ๆ ที่ใกล้ ๆ กับกว๊านพะเยาน่าจะมีราคาแพงอย่างแน่นอน ซึ่งขอบอกเลยว่าคิดผิดครับ

มีโรงแรมแห่งหนึ่งซึ่งตั้งอยู่ห่างจากกว๊านพะเยาน่าจะไม่ถึง 100 เมตรด้วยซ้ำ คืออยู่ลึกเข้าไปในซอยหน่อยเดียวจากถนนเลียบกว๊าน โรงแรมแห่งนั้นก็คือ The cozy nest

The cozy nest เป็นโรงแรมที่พักเล็ก ๆ ตกแต่งด้วยสไตล์เก๋ไก๋แบบคนรุ่นใหม่ ข้อดีของที่นี่นอกจากจะอยู่ใกล้กับกว๊านพะเยาแล้ว ก็คือสภาพห้องพักค่อนข้างดีและสะอาด และแน่นอนว่าการอยู่ใกล้กว๊านพะเยา ทำให้บริเวณโดยรอบของโรงแรมแห่งนี้ในยามค่ำคืนจะไม่ค่อยเงียบเหงาเหมือนบริเวณอื่นในจังหวัดพะเยา เราสามารถเดินชิวเล่นรับลมริมกว๊าน หรืออาจจะหาร้านอาหารดี ๆ หรือร้านนั่งชิวสักร้าน ดื่มด่ำกับบรรยากาศความคึกคักแบบสงบในยามค่ำคืนของเมืองพะเยา ซึ่งแน่นอนว่าต่างกับความคึกคักแบบวุ่นวายอย่างในกรุงเทพฯ แน่นอน

ข้อเสียของโรงแรมแห่งนี้ก็คือ ที่จอดรถค่อนข้างมีจำกัด เนื่องจากบริเวณนั้นถือว่าค่อนข้างพลุกพล่านถ้าเทียบกับจุดอื่น ๆ โดยรอบ ข้อเสียอีกอย่างคือ โรงแรมนี้ไม่มีลิฟท์ ใครที่กระเป๋าหนัก ๆ แล้วได้ห้องพักอยู่ชั้นสูง ๆ หน่อยก็งามไส้เหมือนกัน เพราะว่านอกจากต้องต่อสู้กับความหนักของกระเป๋าแล้ว ยังต้องต่อสู้กับขั้นบันไดที่แสนจะเล็ก (โคตรเล็ก) ของโรงแรมอีกด้วย

TIPS
- โรงแรมแห่งนี้อยู่ไม่ไกลนักจากแสงสีเสียง เพียงเดินออกจากซอยที่โรงแรมตั้งอยู่ ไม่ว่าจะเลี้ยวซ้ายหรือเลี้ยวขวา ก็จะเจอกับร้านเหล้า ร้านนั่งชิวอยู่เพียบแน่นอน เลือกเอาได้เลย แถมไม่พอราคาอาหารและเครื่องดื่มของหลาย ๆ ร้านก็ไม่แพงอีกด้วยครับ
- ที่โรงแรมมีอาหารเช้า และอาหารเช้าของที่นี่ถือว่าดีทีเดียวถ้าเทียบกับมาตรฐานโรงแรมอื่น คือ มีกับข้าวเยอะ คล้าย ๆ ข้าวราดแกงเลย แต่ใครที่ชอบอาหารเช้าแบบ American breakfast ที่นี่ก็มีไว้บริการเหมือนกัน
- ราคาหลักร้อย

สำหรับใครที่ต้องการไปพักผ่อนแบบชิล ๆ หลีกหนีความวุ่นวายจากเมือง แนะนำ "อ่างเก็บน้ำวังบอน" จ. นครนายกครับ เพราะนอกจากตอบโจทย์ทั้ง 2 ข้อที่บอกในตอนแรกแล้ว ยังมี Activity เล็ก ๆ น้อย ๆ ให้ทำอีกด้วย

จากกรุงเทพฯ สามารถขับไปกลับได้เลยครับ ห่างจากกรุงเทพฯ แค่ประมาณ 100 กว่ากิโลเมตรเท่านั้น แนะนำให้ใช้เส้นทางรังสิต – นครนายก จะใกล้ที่สุด แต่อาจรถติดหน่อยนึงตรงคลอง 1 – 5 เตรียมใจเผื่อเวลากันไว้ด้วยจ้า

อ่างเก็บน้ำวังบอนอยู่ใกล้กับเขาใหญ่มาก พูดง่าย ๆ คือไปทางเดียวกับเขาใหญ่นั่นแหละครับ ตามป้ายไปเรื่อย ๆ พอใกล้ถึงก็จะมีป้าย “อ่างเก็บน้ำวังบอน” ตาไวนิดนึงไปถึงได้ไม่ยากเลยครับ

ที่อ่างเก็บน้ำวังบอนมี Activity หลัก ๆ 2 อย่างคือ พายเรือคายัค และนอนกางเต็นท์

ในส่วนของพายเรือคายัคนั้น เขามีเรือให้เช่าอยู่ครับ เปิดให้นักท่องเที่ยวพายได้ตั้งแต่เช้า – 18.00 น. กันเลยทีเดียว ค่าบริการไม่แพงเลย เพียงแค่ 50 บาท/2 ชั่วโมง แต่เอาเข้าจริง ๆ คุณป้าแกบอกว่า “พายไปเถอะ เบื่อค่อยเอามาคืน” การพายนั้นพายได้อิสระเลยครับ เราอยากจะไปตรงไหนของอ่างเก็บน้ำ ไปได้เลย จะหาหนังสือไปสักเล่ม พายไปที่เงียบ ๆ หรือกลางน้ำ แล้วนอนอ่านหนังสืออยู่ตรงนั้นก็ยังได้ แต่สิ่งที่ต้องรู้ไว้คือ เราสามารถพายไปที่น้ำตกเล็ก ๆ แห่งหนึ่งได้ครับ ลองถามป้าดูว่าอยู่ตรงไหน ไม่ไกลมากครับ

ส่วนใครที่ต้องการกางเต็นท์สามารถไปติดต่อลงทะเบียนได้บริเวณทางเข้าเลยครับ ใครที่ไม่ได้เอาเต็นท์มาเอง ทางอ่างเก็บน้ำมีเต็นท์ให้บริการอยู่ น่าจะอยู่ราว ๆ 200 – 300 บาทครับ ช่วงเทศกาลคนไปจับจองพื้นที่กันค่อนข้างเยอะเหมือนกัน แนะนำให้ไปแต่เช้าจะดีกว่า

เห็นน้ำตกอยู่ลิบ ๆ (เนื่องจากช่วงนี้เป็นฤดูแล้ง น้ำเลยดูน้อยไปหน่อย)

หลายคนเลือกไปเที่ยว "จันทบุรี" น่าจะเป็นเพราะ ต้องการหลีกหนีความวุ่นวายแถว ๆ ชลบุรี ระยอง ซึ่งแถวนั้นนี่ไม่ต้องบอกก็รู้ว่านักท่องเที่ยวเพียบ ถ้าใครต้องการพักผ่อนกับธรรมชาติจริง ๆ น่าจะไม่ค่อยโอเคเท่าไหร่

แต่จากประสบการณ์ของผม ทุกวันนี้จันทบุรีก็ไม่ได้เงียบสงบสักเท่าไหร่ละครับ บริเวณแหล่งท่องเที่ยวที่เป็น Landmark อย่างเช่น เนินนางพญา คนจะเยอะมาก ที่จอดรถแทบจะไม่มี แต่ถึงหาที่จอดรถได้ ก็ถ่ายรูปในมุมยอดฮิตที่เห็นในเน็ตไม่ได้อยู่ดี เพราะคนจะยืนบังแย่งกันถ่ายเต็มไปหมด

เนินนางพญา


หาดคุ้งวิมาน หาดเจ้าหลาว ซึ่งเป็นหาดขึ้นชื่อก็ถือว่าเฉย ๆ (ความเห็นส่วนตัวนะ) ไม่ได้สวยงามอะไรมาก คนก็ค่อนข้างจอแจ ไม่ค่อยมีมุมสงบ ๆ ให้นั่งพักเท่าไหร่ นอกเสียจากว่าจะหาร้านกาแฟชิว ๆ ริมหาดสักร้าน แต่ก็ต้องเลือกดี ๆ อีกนั่นแหละ เพราะตอนผมไปที่หาดเจ้าหลาว ก็ไปสั่งเครื่องดื่มที่ร้านกาแฟแห่งหนึ่งเพราะเห็นว่าบรรยากาศดี กะจะนั่งชิวอ่านหนังสือริมทะเลซะหน่อย แต่พอได้ดื่มเครื่องดื่มที่สั่งมาเท่านั้นแหละ รสชาติใช้ไม่ได้เลย ใช้ไม่ได้แบบดื่มไม่ได้เลย ร้านแบบนี้ก็มีเหมือนกัน



เอาเข้าจริง ๆ สถานที่ท่องเที่ยวที่ดูโอเคหน่อยของจันทบุรีกลับเป็นสถานที่ที่ไม่ใช่ทะเลซะงั้น แต่มันคือน้ำตก ใช่ละครับ "น้ำตกพลิ้ว" นั่นเอง น้ำตกแห่งนี้อยู่ห่างออกจากตัวเมืองไปนิดหน่อย (ทางไปตราด) ถ้าไปวันธรรมดาที่จอดรถก็ค่อนข้างสบาย แต่ถ้าไปวันหยุดเห็นว่าค่อนข้างจะแน่น ๆ อยู่เหมือนกัน

ที่น้ำตกพลิ้วนอกจากตัวน้ำตกที่สวยงามแล้วบริเวณด้านหน้าจะมี ร้านขายเสื้อผ้าและของที่ระลึกต่าง ๆ ขายมากมาย ใครที่อยากไปเล่นน้ำแต่ลืมเอาชุดไปเปลี่ยน หรือว่าใครไม่ได้ตั้งใจไปแต่ดันผ่านแล้วอยากแวะเล่นก็ไม่ต้องห่วง มีเสื้อผ้ามากมายให้ซื้อเปลี่ยนครับ

ร้านอาหารแถวนั้นก็เยอะนะ ไม่ต้องกังวลเรื่องอาหารการกิน แต่เรื่องความสะอาดไม่แน่ใจ แนะนำให้แยกเป็นร้าน ๆ ไปละกัน และที่พิเศษสุด ๆ ก็คือ ที่นี่ห้องน้ำสะอาดจ้า (โคตรแปลก)





อ่านต่อ...

เชื่อว่ากว่า 80% ที่ เข้ามาอ่าน อาจไม่เคยได้ยินชื่อ “หาดบานชื่น” มาก่อน
ไม่แปลกครับ เพราะก่อนหน้านี้ผมก็ไม่เคยรู้จักหาดแห่งนี้เหมือนกัน

จริง ๆ จังหวัดตราดเป็นจังหวัดที่มีส่วนที่ติดทะเลยาวพอสมควร แต่หาชายหาดสวย ๆ โดยที่ไม่ต้องข้ามไปเกาะช้างหรือเกาะกูดยากมาก แต่ยังมีหาดแห่งหนึ่ง พูดได้ว่าเป็นหาดเดียวด้วยซ้ำ ที่ถือว่า “สวย” โดยไม่ต้องข้ามไปเกาะ และหาดแห่งนั้นก็คือหาดบานชื่นนี่เองครับ

เช่นเคย .. เพื่อให้ง่ายต่อการตัดสินใจ ผมจะแจกแจงข้อดี – ข้อเสียให้เห็นชัด ๆ ไปเลยครับ

ข้อดี
1. ทรายขาวละเอียด น้ำทะเลใส Virgin สุด ๆ
2. สงบโคตร ๆ แทบไม่มีคนเลย เหมาะแก่การพักผ่อน
เนื่องจากเป็นชายหาดที่อยู่ค่อนข้างไกล คือ ไปเกาะช้าง กับเกาะกูดใกล้กว่า คนเลยเลือกที่จะหยุดเที่ยวที่เกาะช้างและเกาะกูด ไม่เลยไปหาดบานชื่น ทำให้หาดบานชื่นเป็นสถานที่ที่เงียบสงบเหมาะแก่การพักผ่อนเป็นอย่างมาก
3. ราคาอาหารริมหาดถูกและอร่อยมาก
ปกติอาหารที่ขายตามริมชายหาดจะมีราคาแพง แถมไม่พอยังไม่อร่อยอีกต่างหาก แต่ไม่ใช่ที่นี่ครับ เพราะที่หาดบานชื่นนอกจากราคาอาหารริมหาดจะถูกแล้ว รสชาติยังอร่อยอีกด้วย (ร้านท้าย ๆ )
4. ระหว่างทางสามารถแวะเที่ยว "ส่วนที่แคบที่สุดในประเทศไทย" ได้
โดยเห็นว่าเป็นส่วนที่กว้างเพียง 400 เมตรเท่านั้น คือ ข้ามเขาไปก็เป็นกัมพูชาอะไรประมาณนั้น
5. ทางไปหาดบานชื่นสวยมาก



ข้อเสีย

1. ไกลโคตร
อีกนิดเดียวก็ถึง “กัมพูชา” แล้วจ้า

2. ถ้าไปช่วงลมแรง ๆ อาจเจอขยะพัดขึ้นมาเต็มหาด
บางทีก็มีเศษแก้ว อันตราย ๆ มาก ๆ ครับ ต้องดูดี ๆ
3. โรงแรมที่พักใกล้ ๆ หาดอาจจะหายากนิดนึงครับ แต่ก็ยังพอมีอยู่นะ

How to go
จากกรุงเทพขึ้นทางด่วนตามป้าย "บางนา" ยาว ๆ ไปเลย จากนั้นพอเห็นป้ายชลบุรีก็ตามป้ายชลบุรี ไล่ไปเรื่อย ๆ เป็นระยอง จันทบุรี แล้วก็จะถึงตราดครับ

ความเห็นส่วนตัวคิดว่า Ibis (Hua Hin) ค่อนข้างเฉย ๆ ครับ
ลองมาชั่งน้ำหนักข้อดี - ข้อเสียกันดูดีกว่า

ข้อเสีย

1. ตัวห้องค่อนข้างจะคับแคบ
โดยเฉพาะห้องน้ำ โซนอาบน้ำนั้นเรียกได้ว่าแคบโคตร ๆ น่าจะกว้างประมาณ 1 ก้าวแค่นั้นเอง
2. ลานจอดรถไม่เพียงพอต่อจำนวนของแขกที่เข้าพัก
ใครที่ไปเที่ยวพวกตลาด Cicada หรือ Market Village แล้วกลับมาดึก ๆ รับรอง ไม่มีที่จอดชัวร์ ๆ ครับ ซึ่งในกรณีนี้ทางโรงแรมมีลานจอดรถ 2 ให้บริการอยู่ ซึ่งข้อเสียของมันคือ ลานจอดรถ 2 เนี่ยอยู่ฝั่งตรงข้าม ห่างออกไปประมาณ 100 เมตร บางคนมีสัมภาระข้าวของอะไรเยอะ ๆ ก็อาจจะไม่สะดวก (ถ้ามีของเยอะแนะนำให้เอารถไปจอดหน้าโรงแรมแล้วเอาของลงก่อน หลังจากนั้นค่อยเอารถไปจอดที่ลานจอดรถ 2)
3. โรงแรมแห่งนี้อนุญาตให้นำสุนัขเข้าพักด้วยได้
แน่นอน ผลก็คือ เห่ากันวุ่นเลยครับ มีวันนึงยกพวกกัดกันกลาง Lobby เลยก็มี แต่อย่างไรก็ตาม ในข้อนี้อาจเป็นข้อดีสำหรับคนรักสุนัขก็ได้ครับ

ข้อดี

1. อยู่ใกล้ที่เที่ยวสำคัญ ๆ
เช่น Cicada, Market Village, เขาตะเกียบ, ห่างจากชายหาดประมาณ 250 เมตร โดยเฉพาะ Cicada นี่ ใครที่ชอบเดินหน่อยเอาจริง ๆ เดินจากตัวโรงแรมไปได้เลย เพราะว่าถ้าเอารถไปอาจจะหาที่จอดรถยากหน่อยครับ
2. ทีวีโคตรชัด และมีหลายช่องมาก ๆ
ดูฟุตบอล ดูหนัง เต็มที่
3. ถึงห้องพักจะคับแคบไปหน่อย แต่ก็สะอาดดีครับ 8.5/10

ข้อแนะนำอื่น ๆ

1. ไดร์เป่าผมไม่ค่อยแรงนะครับ แนะนำคุณผู้หญิงให้พกเตรียมไปด้วยดีกว่า
2. เตรียมสบู่ แชมพู ของตัวเองไปด้วยก็ดี เพราะที่โรงแรมมีแค่ Shampoo & Shower gel พูดง่าย ๆ มีอันเดียว แต่ใช้ทั้งอาบและสระจ้า

สถานีรถไฟเล็ก ๆ น่ารัก ๆ แห่งนี้ เป็นสถานีรถไฟที่อยู่ใต้สุดของทางรถไฟสายใต้ (ฝั่งอันดามัน) เป็นสถานที่ที่มีประวัติศาสตร์พอสมควรครับ มีมุมถ่ายรูปเก๋ ๆ อยู่เยอะเลย ก้าวเข้าไปก็สัมผัสได้ถึงความ Classic แล้ว (จริง ๆ นะไม่ได้เวอร์) เหมือนหลุดเข้าไปในยุค ร.5 - ร.6 เลย ใครที่ไปเที่ยวจังหวัดตรัง แนะนำว่าลองแวะเข้าไปหน่อยก็ดีครับ

ในความเห็นส่วนตัวของผม ผมคิดว่าเกาะกระดานเป็นเกาะที่สวยงามที่สุดในจังหวัดตรังแล้วครับ ลองจินตนาการถึงชายหาดที่เงียบสงบ ฟ้าสีครามสดใส หาดทรายสีขาวละเอียดนุ่มเท้า เสียงคลื่นดังเป็นระลอก สายลมที่พัดพาเอากลิ่นหอมอันเป็นเอกลักษณ์ของทะเลมาให้เราสูดเข้าไปอย่างเต็มปอด … นี่มันสวรรค์ชัด ๆ

เกาะกระดาน ความงดงามของท้องทะเลตรัง


ในการเดินทางไปเกาะกระดานนั้น สามารถไปขึ้นเรือได้ที่ท่าเรือ “ควนตุ้งกู” มีเรือให้เลือกหลายแบบหลายราคาด้วยกัน ใช้เวลาเดินทางไม่ถึง 1 ชั่วโมง ถ้าหากใครชอบไปแบบส่วนตัว ผมแนะนำให้เช่าเหมาลำไป ราคาจะอยู่ที่ประมาณ 2,500 บาท เราจะได้เที่ยวทั้งที่เกาะมุกด์ ถ้ำมรกต และได้ดำน้ำ + นั่งเล่นที่เกาะกระดานด้วยครับ

เกาะกระดานในวันที่ฟ้าฝนไม่เป็นใจ น้ำทะเลเลยไม่ได้เป็นสีฟ้าแบบที่เคย


เกาะกระดานมีชายหาดอยู่ 4 แห่ง ได้แก่ ชายหาดเกาะกระดาน, ชายหาดอ่าวช่องลม, ชายหาดอ่าวเนียง และหาดอ่าวไผ่ บางหาดมีรีสอร์ทและร้านอาหารตั้งอยู่ครับ แต่แน่นอนว่าอาหารบนเกาะย่อมมีราคาแพงกว่าบนแผ่นดินใหญ่อยู่แล้ว ดังนั้นใครที่เข้าไปใช้บริการก็ไม่ต้องตกใจกับราคานะครับ



นอกจากเกาะกระดานจะมีชื่อเสียงในเรื่องความสวยงามของชายหาดแล้ว เกาะกระดานยังเป็นแหล่งดำน้ำตื้น (Snorkeling )ที่ได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติอีกด้วย เพราะระบบนิเวศบริเวณเกาะกระดานยังถือว่าอุดมสมบูรณ์อยู่มากครับ มีสัตว์น้ำหลายชนิดที่อาศัยอยู่ตามแนวปะการัง



จุดที่คุณลุงคนขับเรือจอดให้ผมดำน้ำตอนนั้นเป็นจุดที่มีความลึกพอสมควร แต่พอว่าย ๆ ดำ ๆ อยู่ไม่เท่าไหร่ก็เจอจุดที่ตื้นจนสามารถยืนได้ ความรู้สึกตอนดำน้ำอยู่ตรงจุดที่น้ำลึกนั้นเหมือนได้สัมผัสถึงความลึกลับของท้องทะเลยังไงอย่างงั้นเลยครับ



อ่านต่อ...