James

สำหรับคนที่ชื่นชอบประวัติศาสตร์รับรองเลยว่าการไปที่กรุงโรมต้องไม่ผิดหวังอย่างแน่นอนครับ เพราะทั้งเรื่องราวที่โรมมีผสมผสานกับบรรยากาศของกรุงโรม ณ ปัจจุบันที่ยังคงมีมนต์ขลังอยู่เต็มเปี่ยมถึงแม้อาณาจักรโรมันจะล่มสลายไปแล้วเป็นเวลากว่าพันปีก็ตาม โดยส่วนตัวเลยผมคิดว่าแค่ได้นั่งรถชมบรรยากาศของกรุงโรมก็เป็นอะไรที่สุดยอดมาก ๆ แล้วครับ

ดูรูปเพิ่มเติม Click "อ่านต่อ"


อาคารสิ่งปลูกสร้างต่าง ๆ ในบริเวณเขตเมืองของกรุงโรมยังคงเป็นแบบย้อนยุค เหมือนได้ย้อนกลับไปในสมัยที่อาณาจักรโรมันกำลังเรืองอำนาจ

ภายในกรุงโรมไม่มีตึกสูง ไม่มีรถไฟฟ้า จะมีก็แต่รถไฟใต้ดิน ซึ่งก็ไม่ได้มีหลายเส้นทางนักนะครับ เพราะว่าระหว่างการก่อสร้างเจ้าหน้าที่เขาก็ต้องขุดลงไปใต้ดิน แล้วพอยิ่งขุดก็ยิ่งไปเจอหรือขุดไปติดซากโบราณสถานต่าง ๆ เขาก็เลยไม่ได้สร้างอะไรมากมายครับ สร้างไว้แค่พอเชื่อมต่อสถานที่สำคัญ ๆ ต่าง ๆ เข้าด้วยกันเท่านั้น

สถานที่สำคัญต่าง ๆ ในกรุงโรมก็เช่น Colosseum, Roman Forum, Arch of Constantine, Monument of Victor Emmanuel II เป็นต้น

สำหรับคนที่เป็นสายกินก็อย่าลืมชิม “เจลาโต้” ซึ่งก็คือไอศกรีมอิตาลีที่มีชื่อเสียงนั่นเองครับ ใกล้ ๆ กับสถานที่สำคัญอย่างน้ำพุเทรวีก็มีขายอยู่

คนที่เป็นแฟนบอลก็ไม่ผิดหวังแน่นอนครับ เพราะกรุงโรมมีทีมใหญ่ถึง 2 ทีม คือ Roma กับ Lazio ซึ่งใช้สนามเหย้าแห่งเดียวกัน ซึ่งก็คือสนาม Stadio Olimpico แต่อันนี้ต้องบอกไว้นิดนึงนะครับสำหรับคนที่อยากไปดู 2 ทีมนี้แข่งกันเอง ต้องระวังมากๆ เรื่องความปลอดภัยครับ เพราะถึงแม้ว่า 2 ทีมนี้จะอยู่เมืองเดียวกัน แต่แฟนบอลตีกันแทบทุกครั้งเวลาที่เจอกันครับ บางทีก็ถึงขั้นแทงกันตายเลยก็มี



อ่านต่อ...

พูดแบบบ้าน ๆ ก็เรียกได้ว่า ปิซ่าเป็นเมืองที่ตั้งอยู่กลางทุ่งเลยก็ว่าได้ครับ ไม่มีเค้าเลยว่าจะเป็นที่ตั้งของสถานที่สำคัญของโลกอย่างหอเอนเมืองปิซ่า หรือ Leaning Tower of Pisa และในช่วงที่ผมเดินทางไปนั้นจำนวนนักท่องเที่ยวกำลังพอดี ไม่มากและไม่น้อยจนเกินไป ทำให้ไม่ได้รู้สึกอึดอัดอะไรเลยครับ

กิจกรรมที่สามารถทำได้ที่หอเอนก็คือการได้ไปโพสถ่ายภาพกับหอเอนเมืองปิซ่าในท่าทางต่าง ๆ ทั้งผลักหอเอน หรือพยายามทำตัวเป็นจอมพลังดันหอเอนเพื่อไม่ให้ล้มลงบ้าง แล้วแต่ความคิดสร้างสรรค์ของแต่ละคน

พอถ่ายภาพเบื่อแล้วก็สามารถเดินเล่นบริเวณรอบ ๆ นั้นได้ แต่บริเวณนั้นก็ไม่ได้มีอะไรมากมาย ส่วนใครที่อยากขึ้นไปบนหอเอนก็สามารถขึ้นไปได้ครับ เขาไม่ได้ห้ามแต่อย่างใด แต่รู้สึกว่าอาจมีการจำกัดจำนวนคนที่จะขึ้นไปในแต่ละรอบเท่านั้นครับ

ส่วนเรื่องของที่ระลึกก็พอมีคนขายอยู่บ้างทั้ง เสื้อผ้า หมวก โมเดลหอเอน ฯลฯ ที่สำคัญบางร้านก็ใจดีลดราคาให้ด้วย อย่างกรณีของผมที่จะซื้อเสื้อกันหนาวลายอิตาลีที่ร้านคุณลุงท่านนึง พอผมบอกว่า ผมเนี่ยเป็นแฟนบอลอิตาลีตัวยงเลย (คนอิตาลีบ้าบอล) แล้วผมก็ร้องเพลงชาติอิตาลีให้ลุงแกฟังท่อนนึง ลุงแกก็ตาลุกวาวแล้วก็ลดราคาให้เฉยเลยครับ 555

โดยรวม ๆ แล้วที่นี่ก็ถือว่าโอเคครับ ผู้คนก็ไม่พลุกพล่าน แต่ถ้าใครจะมุ่งหน้าไปที่นี่ที่เดียวเลยก็คงไม่คุ้มครับ เพราะว่าเดินแปบเดียวก็หมดแล้ว



อ่านต่อ...

หากใครวางแผนที่จะไปเที่ยวประเทศอิตาลีเรียบร้อยแล้ว แต่ยังตัดสินใจไม่ได้ว่าจะเดินทางจากเมืองหนึ่งสู่อีกเมืองหนึ่ง หรือจากอิตาลีไปประเทศข้างเคียงด้วยวิธีใด จะนั่งรถไฟไป นั่งรถ หรือนั่งเครื่องบิน วันนี้ผมจะลองมารีวิว 1 ใน 3 วิธีการเดินทาง ซึ่งก็คือการนั่งรถ โดยมีจุดหมายปลายทางอยู่ที่ประเทศสวิตเซอร์แลนด์

เส้นทางจากอิตาลีสู่สวิตเซอร์แลนด์


ต้องบอกไว้ก่อนว่าบรรยากาศสองข้างทางของประเทศอิตาลีนั้นมีความสวยงามเป็นอย่างมาก ซึ่งหลาย ๆ ท่านคงพอทราบถึงชื่อเสียงของอิตาลีในเรื่องนี้ดีอยู่แล้ว ดังนั้นถ้าท่านใดไม่มีข้อจำกัดด้านเวลาที่จะต้องใช้ในการเดินทาง การนั่งรถก็เป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่ดีแน่นอนในแง่ของบรรยากาศและวิวทิวทัศน์ที่จะได้เห็นระหว่างการเดินทาง นอกจากนี้ในบางช่วงบางตอน ถนนก็ยังตัดผ่านบริเวณที่เป็นชนบทของประเทศอิตาลีซึ่งเราจะได้เห็นวิถีชีวิตของชาวอิตาเลียนไปด้วย

ในเรื่องความปลอดภัยก็ถือว่าอยู่ในระดับที่สูง เพราะผู้ที่จะมาขับรถบัสได้ต้องผ่านด่านทดสอบต่าง ๆ มากมายครับ และรถที่นี่เค้าจะมีระบบตรวจเช็คความปลอดภัยอย่างดี ความเร็วก็ต้องเป็นไปตามที่กฎหมายกำหนด ใบขับขี่รถยนต์ปกติที่ว่าได้ยากแล้ว ใบขับขี่รถโดยสารยิ่งได้ยากกว่ามากในยุโรป ดังนั้น เราจึงเบาใจได้พอสมควรในเรื่องนี้

คนที่กังวลเกี่ยวกับเรื่องห้องน้ำห้องท่าก็หายห่วงครับ เพราะระหว่างทางคนขับก็จะจอดแวะปั๊มให้เป็นระยะ ๆ ดังนั้นตัดกังวลเรื่องการเข้าห้องน้ำไปได้เลย แล้วตอนที่รถแวะปั๊มก็สามารถแวะซื้อขนม น้ำดื่ม ฯลฯได้ครับ เพราะว่าปั๊มที่อิตาลีก็มีมินิมาร์ทเหมือนปั๊มบ้านเรา



อ่านต่อ...

คุ้มค่าแน่นอนครับถ้าใครได้ไปเยือนประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ถึงแม้จะเป็นประเทศเล็ก ๆ ที่ไม่มีทางออกสู่ทะเล แต่สวิตเซอร์แลนด์ก็ได้อย่างอื่นมาทดแทน ไม่ว่าจะเป็นแนวเทือกเขาที่มีวิวทิวทัศน์ที่สวยงามหรือจะเป็นทะเลสาบที่มีอยู่แทบทุกเมืองในสวิตเซอร์แลนด์ และหลาย ๆ เมืองในสวิตเซอร์แลนด์เป็นเมืองที่มีชื่อเสียงระดับโลก ไม่ว่าจะเป็น Geneva, Zurich, Bern, Zermatt, Interlaken, Lucerne etc. ดังนั้นรับประกันได้เลยว่าถึงไปสวิตเซอร์แลนด์แค่ประเทศเดียว เราจะยังมีที่เที่ยวเยอะมาก ๆ

แล้วประเทศสวิตเซอร์แลนด์ก็เป็นประเทศที่สะอาด สงบและเป็นระเบียบเรียบร้อยมาก เปรียบเทียบกับหลาย ๆ ประเทศในยุโรปที่ผมเคยไปทั้งฝรั่งเศส เยอรมนี อิตาลี ฯลฯ ดูแล้วสวิตเซอร์แลนด์สะอาดและเป็นระเบียบมากที่สุดครับ

นอกจากนี้การท่องเที่ยวในสวิตเซอร์แลนด์ก็ไม่รู้สึกว่าจะมีใครมาคุกคามเหมือนหลาย ๆ ประเทศในแถบยุโรป เพราะสิ่งหนึ่งที่สวิตเซอร์แลนด์ขึ้นชื่ออยู่เหมือนกันก็คือ นิสัยใจคอของชาวสวิส ที่กล่าวกันว่าชาวสวิสนั้นเป็นคนน่ารัก อัธยาศัยดี ได้ยินมานานแต่ก็ไม่เคยได้พิสูจน์เสียที จนถึงวันที่ได้มีโอกาสเดินทางไปเที่ยวที่สวิตเซอร์แลนด์จึงได้ค้นพบความจริงว่า ชาวสวิสมีนิสัยน่ารักอย่างที่เขาว่ากันจริง ๆ ยิ้มแย้มแจ่มใส บางทีเดินผ่านบ้านเขา เขาก็จะโบกมือทักทาย หรือตอนเช้า ๆ ออกไปเดินเล่นนอกโรงแรม ชาวสวิสบางคนเห็นเราเขาก็จะยิ้มแย้มและกล่าวทักทาย ท่านใดมีโอกาสได้ไปก็ลองไปพิสูจน์ดูได้ครับ

ในเรื่องตุกติกหรือกลโกงนั้นผมยังไม่เคยเจอในประเทศสวิตเซอร์แลนด์ อีกอย่างทุกอย่างในประเทศนี้จะตรงเวลามาก ๆ รวมไปถึงรถไฟ ดังนั้นใครที่ไปเที่ยวสวิตเซอร์แลนด์ต้องบริหารเวลาดี ๆ ด้วยครับ



อ่านต่อ...

St.Peter’s Basilica ยิ่งใหญ่สมกับเป็นที่ประทับของพระสันตะปาปา ประมุขสูงสุดแห่งคริสตจักรโรมันคาทอลิก พูดง่าย ๆ ก็คืออลังการงานสร้างมาก ๆ ครับ แต่ว่าบริเวณ St.Peter’s Square ซึ่งอยู่ด้านหน้าของ St.Peter’s Basilica นักท่องเที่ยวจะเยอะมาก โดยเฉพาะบริเวณประตูทางเข้าที่จะไปยังรูปปั้นปิเอตาของไมเคิลแองเจลโล นักท่องเที่ยวจะต่อแถวกันยาวเหยียด 100-200 เมตรได้ครับ แล้วก็ไม่ได้มีแถวเดียวด้วย

แต่ถึงแม้นักท่องเที่ยวจะเยอะมากแค่ไหนก็ไม่ได้ช่วยให้ความหนาวเย็นลดลงเลย เพราะว่าตรง St.Peter’s Square มันจะเป็นลานโล่ง ๆ ดังนั้นลมจะแรงมาก บางคนทนไม่ไหวต้องไปยืนหลบ ๆ ตรงมุมเสาเลยก็มีครับ ฉะนั้นใครที่จะเดินทางไปในฤดูหนาวก็อย่าลืมเตรียมเสื้อผ้าหนา ๆ ไปด้วยนะครับ

ส่วนเรื่องของที่ระลึกก็มีอยู่ทั่วไปตามริมถนนที่มุ่งตรงสู่ St.Peter’s Basilica ราคาถือว่าไม่แพงมากครับ บรรดาเสื้อผ้า หรือหมวกต่าง ๆ ถึงแม้จะมีลายธงชาติอิตาลี เขียว ขาว แดง แต่ว่าก็ Made in China เป็นส่วนใหญ่ครับ

เรื่องที่ดูจะลำบากมากก็คือเรื่องของห้องน้ำ เพราะว่าบริเวณ St.Peter’s Square ห้องน้ำน้อยมาก สวนทางกับจำนวนนักท่องเที่ยวที่ต้องการใช้ ซึ่งมีเยอะมากครับ ดังนั้นแนะนำเลยว่าก่อนจะไปที่นั่น ควรจัดการตัวเองด้วยการเข้าห้องน้ำห้องท่าให้เรียบร้อยมาจากที่โรงแรมนะครับ แต่อาจจะมีกรณีสุดวิสัยจริง เช่น บางคนอาจจะอาหารเป็นพิษ อันนี้ต้องทนกันหน่อยแหละครับ ทรมานมากแน่ ๆ ดังนั้น ขออนุญาตแนะนำอีกอย่างครับว่าให้ดูแลตัวเองเรื่องการรับประทานอาหารช่วงก่อนเดินทางไปเที่ยวให้ดี ๆ โดยเฉพาะก่อนเดินทางไปนครรัฐวาติกัน !




อ่านต่อ...

ตรงส่วนกลางเมืองบริเวณที่เป็นย่านช็อปปิ้งคนจะค่อนข้างหนาตาครับ โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวชาวจีนจะเยอะมาก ๆ ร้านอาหารคนก็จะแน่นนิดนึง น่าจะไม่ค่อยโอเคสำหรับคนที่ไม่ชอบความวุ่นวายนะครับ แต่ว่าลูเซิร์นก็ไม่ได้เป็นแบบนี้ทั้งเมืองครับ ยังมีจุดที่เงียบสงบอยู่เยอะเหมือนกัน

บนสะพานไม้ชาเปลเป็นตัวอย่างหนึ่งครับ ถึงจะเป็น Landmark สำคัญ แต่คนบนสะพานไม่ถือว่าหนาตาอะไร สามารถเดินชิวถ่ายรูปกันได้สบาย ๆ เลยครับ บนสะพานก็ยังสามารถซื้อของที่ระลึกได้ด้วย แต่รู้สึกว่าร้านขายของที่ระลึกบนสะพานจะเปิดถึงแค่ 6 โมงเย็นนะครับ ดังนั้นใครจะซื้ออะไรก็ต้องรีบ ๆ กันหน่อยนะ

อีกจุดหนึ่งที่ค่อนข้างเงียบและโรแมนติกทีเดียวในความคิดผม คือใกล้ ๆ กับสะพานไม้ชาเปลนี่แหละ จะมีถนนและทางเดินเลียบแม่น้ำ คนไม่ค่อยพลุกพล่านเท่าไหร่ครับ ยิ่งถ้าเริ่มมืดก็จะยิ่งสวย เพราะว่าจะมีแสงสีส้มของดวงไฟริมถนนเพิ่มเติมเข้ามาด้วย และถ้าโชคดีก็จะมีหิมะโปรยปรายลงมาเหมือนวันที่ผมไป บรรยากาศสุดยอดจริง ๆ ครับ

ไม่ไกลจากสะพานไม้ชาเปลจะมีอนุสาวรีย์สิงโต The Lion Monument ซึ่งก็เป็นอีกหนึ่ง Landmark สำคัญของเมืองครับ สามารถเดินจากบริเวณสะพานไม้ชาเปลไปได้เลยนะครับ ไม่ไกลมาก

โดยรวม ๆ แล้วนอกจากย่านช็อปปิ้งในเมือง เรียกได้ว่าลูเซิร์นเป็นเมืองที่ค่อนข้างเงียบสงบเลยทีเดียว เป็นอีกหนึ่งจุดหมายปลายทางที่ควรจะไป และท่านที่จะเดินทางไปก็อย่าลืมแลกเงินฟรังก์สวิสไปนะครับ เพราะว่าสวิตเซอร์แลนด์ไม่ได้อยู่ในยูโรโซน (ประเทศที่ใช้สกุลเงินยูโร) แต่ว่าร้านค้าใหญ่ ๆ บางร้านก็รับเงินยูโรเหมือนกันครับ แต่ว่าเขาจะทอนกลับมาเป็นเงินฟรังก์สวิส ส่วนร้านเล็ก ๆ เหมือนร้านขายของชำบ้านเรา ผมเคยลองแล้ว เขาไม่ค่อยรับเงินยูโรนะครับ

คุ้มค่ามากครับกับการต่อคิวยาวเพื่อรอขึ้นไปบนยอดเขาทิตลิสในฤดูหนาว เพราะว่าวิวข้างบนสวยมาก รู้สึกเหมือนได้ยืนอยู่บนจุดสูงสุดของโลก (ถึงแม้ความจริงจะไม่ใช่) เพราะว่าตอนยืนอยู่ข้างบนนั้น มองไปรอบ ๆ 360 องศา ไม่มีตรงไหนสูงกว่าเราอีกแล้ว แม้แต่เมฆเราก็อยู่สูงกว่า แล้วหิมะก็ขาวโพลนไปหมด ท้องฟ้าสดใสมาก แดดจ้า แต่หนาวมากนะครับ รู้สึกว่าจะ -11 องศาได้ แถมไม่พอลมก็แรงอีกต่างหาก คนเอเชียที่มาจากเมืองร้อนส่วนใหญ่จะไม่ค่อยออกไปยืนด้านนอกอาคารครับ จะนั่งหลบกินกาแฟอยู่ข้างใน เพราะว่าบนยอดเขามีร้านอาหารและร้านกาแฟให้บริการอยู่ ก็ได้บรรยากาศไปอีกแบบครับ

วิวบนยอดเขาทิตลิส


วันนั้นผมใส่เสื้อ 4-5 ตัวได้ แต่ก็ยังหนาวมาก ๆ ออกไปไม่ถึง 10 นาทีก็ต้องกลับเข้าข้างในตัวอาคาร ถุงมือนี่แทบไม่ได้ช่วยอะไรเลย มือชาไปหมด

ข้างบนยอดเขานอกจากจะมีนักท่องเที่ยวแล้วยังมีบรรดานักเล่นสกีทุกเพศทุกวัยอยู่เยอะพอสมควรเลยครับ นักเล่นสกีนี่จะเห็นตั้งแต่ขึ้นกระเช้าแรก ๆ เลยครับ เล่นกันตั้งแต่ตีนเขาถึงยอดเขา ลืมบอกไปว่าการจะขึ้นไปถึงยอดได้นั้นก็ต้องขึ้นกระเช้าหลายต่ออยู่นะครับ และเป็นกระเช้าหลายแบบด้วย แต่ที่นั่นเขาจะมีไฮไลท์สำคัญก็คือกระเช้าที่หมุนได้ 360 องศาครับ แต่เอาเข้าจริง ๆ คนในกระเช้านั้นเยอะมากจนแทบไม่ได้ดูวิวเลย

แล้วก็อย่างที่บอกเอาไว้ตอนแรกนะครับว่ากว่าจะขึ้นมาได้ก็ต้องรอนานพอสมควร เพราะว่าคนต่อคิวซื้อบัตรขึ้นไปข้างบนเยอะมาก ไหนจะคนท้องถิ่นที่จะขึ้นไปเล่นสกีอีก เรียกได้ว่าบรรยากาศจอแจมากครับ ใครที่ไม่ชอบรอนาน ๆ หรือไม่ชอบคนเยอะ ๆ อันนี้ก็ต้องดูไว้ด้วยนะครับ แต่ในความเห็นของผมมันก็ไม่ได้เลวร้ายอะไรขนาดนั้นนะ รอนานแต่คุ้มครับ




อ่านต่อ...

สำหรับคนที่รักความสงบ "คาร์โลวี วารี" เป็นอีกเมืองที่ต้องแนะนำเลยครับ เนื่องด้วยความที่ไม่ได้เป็นเมืองใหญ่อะไร จึงปราศจากเสียงอึกทึกครึกโครมทั้งจากรถยนต์และผู้คน

เมืองนี้เหมาะมากสำหรับเดินเล่นกินลมชมวิว ดูของที่ระลึกต่าง ๆ เพราะนอกจากจุดเด่นในเรื่องความเงียบดังที่ได้กล่าวไว้ข้างต้นแล้ว อากาศที่นี่ก็ดีมาก ๆ รวมทั้งราคาของที่ระลึก ขนม และเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ต่าง ๆ ซึ่งเป็นของขึ้นชื่อของที่นี่ ก็ไม่ได้แพงเลยครับ

กิจกรรมอื่น ๆ ที่น่าสนใจในเมืองนี้ก็เช่น การได้ไปชิมน้ำแร่จากบ่อน้ำพุร้อนธรรมชาติด้วยภาชนะพิเศษที่มีลักษณะคล้าย ๆ กับกาต้มน้ำ และการได้ไปชมบ่อน้ำพุร้อนที่มีน้ำพุ่งสูงขึ้นจากพื้นดินประมาณ 12 เมตร ที่ดูจะเป็นจุดหมายปลายทางที่สำคัญที่สุดในเมืองนี้

แต่ทว่าท่ามกลางธรรมชาติที่สวยงามก็มีสิ่งที่นักท่องเที่ยวอย่างเรา ๆ ต้องระมัดระวังกันให้มากอยู่นะครับ เรื่องตุกติกนิดหน่อยอาจจะมีบ้างในประเทศแถบยุโรปตะวันออก ดังนั้นเรื่องเงิน ๆ ทอง ๆ จะต้องระมัดระวังกันให้มากครับ อย่างเช่นเวลาซื้อของเสร็จก็ควรตรวจนับเงินทอนให้ดี เพราะบางครั้งแม่ค้าหรือพ่อค้า อาจทอนเงินมาให้เราไม่ครบก็เป็นได้ครับ

นอกจากเรื่องนี้โดยรวมถือว่าเมืองนี้โอเคมาก ๆ นะครับสำหรับคนที่รักความสงบ แต่สำหรับคนที่ชอบอะไรที่น่าตื่นตาตื่นใจหน่อย เมืองนี้อาจไม่ตอบโจทย์ครับ และท่านที่ได้มีโอกาสแวะไปเมืองนี้ อย่าลืมชิมเป็ดโบฮีเมียซึ่งเป็นอาหารขึ้นชื่อของประเทศสาธารณรัฐเช็กนะครับ อร่อยใช้ได้เลยทีเดียว




อ่านต่อ...