1. นี่มันเว็บอะไรกัน??? ทำความรู้จักคร่าวๆกับ รีวิวบุรี คลิกเลย

Mr.001

ผู้ว่าฯรีวิวบุรี

ผู้ดูแลเมือง
Mr.001 เคลื่อนไหวล่าสุด:
2 พฤศจิกา 2020
  • รีวิวCHOSEN พลิกแผนฆ่า : แปลกใจที่ทำไมเรื่องนี้ไม่ดัง

    ให้คะแนน:
    4/5,
    (แนะนำ)
    ข้อเด่น - - เนื้อเรื่องบีบคั้น ชวนติดตามตั้งแต่ต้น
    ข้อด้อย - - พล็อตเรื่องมีตรรกะที่ไม่สมเหตุสมผลอยู่
    - แต่ละซีซั่น สั้นไปหน่อย แค่ 4-6 ตอนเอง
    ด้วยความโชคดีจริงๆครับ พอดีเปิดไปเจอช่อง 5 ฉายอยู่ไม่กี่วันก่อน แต่ฉายจบไปแล้วนะครับ (มันสั้นมาก) ถ้าจะดูคงต้องไปหาดูในช่องทางอื่น ผมรีบไปสืบค้น ก็พบว่าที่ช่อง 5 เอามาฉายนี่เป็นซีซั่น 2 ก็งงเหมือนกัน แล้วซีซั่น 1 ล่ะ? (ไม่เป็นไรหาดูเองก็ได้) แต่ขนาดไม่มีต้น ไม่มีปลาย ยังดูสนุกเลย

    เป็นเรื่องราวเกี่ยวกับทฤษฏีสมรู้ร่วมคิดของกลุ่มคนที่มีอำนาจ (เรียกว่าพวก Watcher) ขนาดที่สามารถควบคุมทุกสิ่ง แม้แต่เจ้าหน้าที่รัฐก็เป็นพวกเดียวกับเค้า สามารถได้ยิน ได้เห็นทุกอย่างผ่านเทคโนโลยีต่างๆ เช่นกล้องวงจรปิดที่ติดตั้งทั่วทั้งเมือง ประมาณคล้ายๆเรื่อง Enemy of the State (ถ้าใครเคยดูนะ) สรุปพวกนี้เหมือนพระเจ้าที่ไม่มีใครไปต่อกรได้ แต่กลุ่มผู้มีอำนาจในเรื่องนี้มันสารเลวกว่าเยอะ เพราะพวกมันเล่นสุ่มเลือกชาวบ้านตาดำๆ แล้วบังคับให้ต้องไปฆ่ากันเอง เพื่อความบันเทิงของพวกมัน ถ้าใครไม่ทำตาม ตัวเองและคนที่รักก็จะต้องตายแทน มันเลวจริงๆ :obj:

    แนวเรื่องมันก็มีส่วนคล้าย Walking Dead ตรงที่สะท้อนความเห็นแก่ตัวของคน จะเลือกอะไรระหว่างชีวิตคนในครอบครัว กับ ชีวิตคนที่ไม่รู้อีโหน่อีเหน่

    ผมค่อนข้างประหลาดใจว่าทำไมไม่ค่อยมีคนพูดถึงเรื่องนี้เลย ทั้งๆที่หนังจัดว่าชวนติดตามมากทีเดียว การเขียนบท และการดำเนินเรื่องมีให้ลุ้นตลอด บีบหัวใจมากจริงๆเวลาเห็นตัวเอกถูกบังคับในตัดสินใจเลือกอะไรที่ยากๆ แต่ผมว่าหนังให้พวก Watcher โผล่หน้าออกมาง่ายไปหน่อย และดูหน้าแล้วก็ไม่ค่อยเปล่งรัศมีความมีอำนาจซักเท่าไหร่

    จุดอ่อนอีกข้ออยู่ที่ตรรกะของพล็อตเรื่องครับ คือ ถ้าลองคิดว่ามีกลุ่มคนที่มีอำนาจล้นฟ้าขนาดนั้นจริง และมันเลวขนาดนั้นจริง ทำไมถึงจะจำกัดการใช้อำนาจและความเลวอยู่แค่การเล่นเกมนี้ มันมีอะไรที่พวกเค้าสามารถทำได้ เพื่อสนองตัณหา และความโรคจิตของตนเองได้อีกเยอะ

    รีวิวWar Horse ม้าศึกจารึกโลก : สนุกได้ทุกวัย

    ให้คะแนน:
    5/5,
    (สุดยอด)
    ตามเรื่องย่อเลยครับ คือเจ้าม้า (พระเอก) เพื่อนรักของเด็กหนุ่มในชนบทของอังกฤษ (พระรอง) ทั้งสองต้องพลัดพรากกัน เนื่องจากพระเอกถูกเกณฑ์ให้ไปออกรบ เรื่องราวการผจญภัย (สงคราม) ของพระเอกเลยเริ่มขึ้น ในอีกด้านหนึ่งพระรอง ก็อุตส่าห์เข้าสมัครเป็นทหารเพื่อไปตามหาพระเอก คนดูก็จะได้ลุ้นสนุกไปว่าเจ้าพระเอกแสนรู้จะผ่านพ้นอุปสรรค์ต่างๆ ได้หรือเปล่า แล้วพระรองจะตามหาพระเอกเจอกันมั๊ย ก็อย่าวางใจนะครับ แม้ว่านี่จะเป็นหนังแนว family แต่ผู้สร้างคือ "สปีลเบิร์ก" คนเดียวกับที่สร้าง Schindler's List และ Saving Private Ryan หนังสงครามแสนโหดร้ายมาแล้ว ในเรื่องนี้ สปีลเบิร์ก ก็ไม่วายใส่ฉากทีสะท้อนความโหดร้ายของสงครามเข้าไป (โทนสีของภาพยังทำคล้ายๆ Saving Private Ryan เลย) มีฉากสะเทือนใจอยู่บ้าง แต่ยังอยู่ในดีกรีที่คนรักครอบครัวทั้งหลายน่าจะรับได้นะ

    ม้าพระเอกอาจดูฉลาดเวอร์ไปนิดนึง แต่ก็นะ ถ้าเอาสมจริงหมด ก็กลายเป็นหนังสงครามไปพอดี

    เรื่องนี้ผมว่าดูได้ตั้งแต่ คนรักสัตว์ ไปจนถึงคนชอบหนังสงครามเลย ดูจบก็ ประทับใจครับ เป็นหนังที่ให้ดูซ้ำก็ยังอยากดู ขนาดแม่ผมที่ไม่ค่อยชอบดูหนังฝรั่งยังชอบเรื่องนี้เลย (เพราะเป็นคนรักสัตว์) แต่แม่ผมบอก เสียดายตอนจบพระเอกไม่ได้เจอหน้าครั้งสุดท้ายกับใครบางคน อ่า.. ใครบางคนที่ว่าเป็นคร ทำไมไม่ได้เจอกัน ลองดูกันเองก็แล้วกันครับ ไม่อยากสปอย

    รีวิวOde to My Father กี่หมื่นวัน ไม่ลืมคำสัญญาพ่อ

    ให้คะแนน:
    4/5,
    (แนะนำ)
    ดูแล้วอย่างแรกเลย ได้เข้าใจประวัติศาสคร์ของเกาหลีมากขึ้น ว่าตอนที่เค้าถูกแบ่งเป็น 2 ประเทศเป็นอย่างไง คือเวลาฟังข่าวหรืออ่านหนังสือ ก็ได้แค่รู้เรื่องราว แต่ถ้าดูหนังเรื่องนี้จะได้รับรู้ถึงความรู้สึก ความลำบากยากแค้นของคนเกาหลีในช่วงนั้นเลย

    ตัวบท ดูแล้วอย่างกะเป็นเรื่องราวชีวิตจริงของใครบางคน เพราะหลายๆอย่างมันมีรายละเอียดเยอะ ถ้าเรื่องแต่งไม่น่ามีรายละเอียดขนาดนี้ แต่พอไปสืบค้นก็ไม่เห็นมีที่ไหนระบุถึงว่าเป็นชีวประวัติใคร แต่ถึงอย่างไง ก็ไม่น่าเบื่อนะ มีการแทรกมุขตลกให้คนดูได้ขำไปพร้อมๆกับติดตามชีวิตของพระเอกว่าจะดำเนินไปอย่างไง

    จุดที่ซึ้งจริงๆสำหรับผมคือโครงการตามหาญาติที่พลัดพลากจากการแบ่งเกาหลี เมื่อก่อนดูข่าว ผมก็ไม่เข้าใจนะ ว่าเค้าร้องไห้ระงมอะไรกันนักหนา แต่พอได้ดูหนังเรื่องนี้แล้วจึงได้เข้าใจครับ ชอบครับหนังที่สามารถถ่ายทอดความรู้สึกของตัวละครได้

    รีวิวOshino Hakkai (ช่วงซากุระบาน) : ซากุระงาม กับลำธารใส และความสงบข้างใน

    ให้คะแนน:
    5/5,
    (สุดยอด)
    เฉพาะตรงส่วนบริเวณ 8 บ่อน้ำนั้น ไม่ค่อยมีอะไรเลย ดูเหมือนทำไว้สำหรับนักท่องเที่ยวโดยเฉพาะ มีร้านอาหาร ร้านขายของฝากมากมาย พวกกรุ๊ปทัวร์มาลงกันเยอะมาก อาคารต่างๆก็ดูเหมือนจงใจสร้างขึ้นสำหรับการท่องเที่ยวโดยเฉพาะ ดูแล้วยังงงว่าพวกทัวร์เค้ามาเที่ยวอะไรกัน หรือแค่มาซื้อของฝาก

    แต่ที่เป็น ไฮไลท์ พลาดไม่ได้เลยคือลำธารเล็กๆที่ใหลโอบรอบๆหมู่บ้าน ในช่วงที่ซากุระบาน ที่นี่จะงดงามมากๆ แม้ว่าจะมีจุดชมซากุระสวยๆมากมายทั่วญี่ปุ่น แต่สำหรับที่นี่ ทั้งลำธารน้ำใสๆ หญ้าเขียวๆ ดอกลิลลี่สีเหลือง ซากุระสีชมพู และสะพานไม้แบบญี่ปุ่น ทั้งหมดแต่งแต้ม เป็นทิวทัศน์ที่งดงามและมีเอกลักษณ์ไม่เหมือนที่ไหน

    [​IMG]

    ที่ Oshino Hakkai นี้ ซากุระจะบานช้ากว่าบริเวณรอบๆ เนื่องจากอยู่บนเขา โดยทั่วไปจะบานช่วงปลายเดือนเมษา ถึงต้นเดือนพฤษภา ถ้ามาแถวนี้จังหวะที่ซากุระบานพอดี ต้องแวะมาเที่ยวที่จุดนี้ให้ได้ ห้ามพลาด แต่ถ้ามาฤดูอื่น ก็อย่ามาเลย เสียเวลาเปล่า

    หลังจากเดินเที่ยวชมธรรมชาติจนหนำใจแล้ว (ใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมง) ก็สามารถเข้าไปซื้อของฝากประเภทขนมต่างๆ เช่น Kit Kat ชาเขียว ได้ที่บริเวณกลางหมู่บ้าน

    ชมภาพ และข้อมูลวิธีเดินทางเพิ่มเติมได้ในกระทู้ แนะนำจุดชมซากุระ สำหรับคนไปช่วงสงกรานต์

    รีวิวทั้งหมด ของทริปซากุระ 2015

    รีวิวSoka Gakkai Fujizakura Memorial Park : ร่มรื่น สวยงาม น่าเที่ยว

    ให้คะแนน:
    4/5,
    (แนะนำ)
    ข้อเด่น - ร่มรื่นด้วยซากุระไว้มากมาย
    ถ้าฟ้าใสได้เห็นฟูจิพร้อมซากุระด้วย
    ข้อด้อย - การเดินทางค่อนข้างลำบาก เหมาะสำหรับคนเช่ารถขับ
    ที่นี่ถือเป็นจุดหมายแห่งหนึ่งในทริปขับรถเที่ยว Fuji 5 Lakes ของเราครับ เป็นจุดชมซากุระที่น่าประทับใจอีกแห่งครับ ภายในมีพื้นที่ใหญ่พอสมควร จะมีถนนสายหลักหนึ่งสาย แล้วแยกไปสองข้างทาง แบ่งพื้นที่สุสานออกเป็นบล็อกๆอย่างเป็นระเบียบ บริเวณโดยรอบก็จะปลูกต้นซากุระไว้มากมาย ถ้าฟ้าใสๆนี่จะได้เห็นฟูจิคู่กับซากุระด้วย นี่ขนาดตอนที่ไปดอกมันร่วงไปพอสมควรแล้วนะ แถมเมฆยังบังฟูจิไปเกือบหมด ยังรู้สึกประทับใจมาก ถ้าได้ไปตอนพีคพอดี และฟ้าใสๆ เห็นฟูจิด้วย จินตนาการไม่ออกเลยว่าจะฟินขนาดไหน

    ตอนที่เราไป ไม่แน่ใจว่าเป็นช่วงที่คนญี่ปุ่นเค้าไปไหว้กันพอดีหรือเปล่า หาที่จอดรถยากมาก แต่พอตอนกลับที่จอดรถกลับโล่ง คงจะไหว้เสร็จกลับไปกันหมดแล้ว

    ตรงใกล้ๆทางเข้าจะมีอาคารอำนวยการอยู่ มีขายอาหารง่ายๆ ไม่ได้อร่อยอะไรมากมาย แต่ก็กินได้ ข้างในก็มีขายพวกขนมของฝาก มีที่ให้นั่งกิน มีห้องน้ำ และที่สำคัญอย่าลืมขึ้นไปข้างบน มีวิวให้ถ่ายรูปด้วย

    เห็นแล้วก็อดเทียบกับที่ไปเชงเม้งที่เมืองไทยไม่ได้ ทำไมเค้าไม่คิดทำให้มันดีๆแบบนี้บ้างนะ

    [​IMG]

    ชมภาพ คลิป และข้อมูลตำแหน่งที่ตั้งเพิ่มเติมในกระทู้ แนะนำจุดชมซากุระ สำหรับคนไปช่วงสงกรานต์

    รีวิวทั้งหมด ของทริปซากุระ 2015

    รีวิวSunnide Resort: Cottages : วิวสวย ในราคาครึ่งๆ

    ให้คะแนน:
    5/5,
    (สุดยอด)
    ข้อเด่น - วิวสวย
    - ราคาถูกกว่าห้องในโรงแรมมาก
    - มีไมโครเวฟ
    - ออนเซนของโรงแรมวิวสวยมาก
    - พักได้ 6-8 คน ราคาเท่าเดิม
    ข้อด้อย - ต้องเดินขึ้นเนิน บางห้องเดินไกล
    - หม้อ กระทะเขรอะมาก ใช้งานไม่ได้
    [​IMG]
    ลักษณะที่พัก

    ห้องพักแบบ Cottage เป็นบริการอีกรูปแบบหนึ่งของ Sunnide (อ่านว่า ซันนิเดะ) ที่แยกออกมาจากส่วนห้องพักแบบหรูๆที่อยู่ในตึกใหญ่ของโรงแรม โดยแบบ Cottage คือลักษณะกระท่อมไม้แยกเป็นหลังๆ ตั้งอยู่บนเขา ด้านหลังของโรงแรม

    ราคา
    ราคาจะถูกกว่ามาก ถ้าคิดที่พัก 2 คนก็ราคาถูกกว่าเกือบครึ่งแล้ว ถ้าใครไปกันเป็นกลุ่ม ซึ่งห้องเค้าพักได้สูงสุด 4-15 คน (บ้านมีหลายแบบ แต่แบบที่จองผ่าน Japanican ได้รู้สึกจะมีแต่แบบสูงสุด 6 คน) จะยิ่งถูกเข้าไปอีก เพราะเค้าคิดราคาเท่าเดิมไม่ว่ากี่คน ตอนทีไปพัก (ช่วง High ซากุระบานอยู่) จ่าย 25,000 yen ต่อคืน ขณะที่ห้องพักในตึกใหญ่ 2 คนจะอยู่ที่ 4x,xxx yen (ไม่รวมอาหาร) และราคาเพิ่มขึ้นตามจำนวนคน Sunnide เป็นที่รู้จักกันดีในหมู่นักเที่ยวชาวไทย ที่วิวฟูจิอลังการมาก แต่เพราะราคาสูง เลยทำให้หลายคนต้องตัดใจ ด้งนั้นห้องพักแบบ Cottage จึงเป็นทางเลือกที่น่าสนใจมากๆ เพราะได้พักในทำเลที่ดี วิวสวยเหมือนกัน (หรืออาจสวยกว่า) ในราคาที่ถูกกว่ากันมาก

    กรณีพักหลายคน
    ถึงจะพักได้หลายคน แต่ ในห้องพักที่ผมได้ (A5) จะมีเตียงใหญ่ขนาด King Size สำหรับ 2 คน เพียง 1 หลังในห้องนอน


    อ่านต่อ...

    รีวิวToko City Matsumoto : ทำเลดีมาก

    ให้คะแนน:
    4/5,
    (แนะนำ)
    ข้อเด่น - อยู่ใกล้สถานีรถไฟมัตสึโมโตะ
    เรื่องของห้องพักก็ธรรมดานะครับ เล็กๆ พอใช้เป็นที่หลับนอนได้ แต่อุปกรณ์ครบครัน ตามสไตล์โรงแรมญี่ปุ่น สะอาด ราคาปานกลางพอรับได้ครับ

    จุดเด่นที่สุดที่ทำให้แนะนำที่นี่คือทำเล ที่อยู่ใกล้สถานีรถไฟมัตสึโมโตะครับ ความจริงที่พักที่เมืองนี้ก็ไม่มีทางเลือกมากนัก ดังนั้นข้อดีข้อนี้ข้อเดียว ในขณะที่เรื่องอื่นๆอยู่ในเกณฑ์ที่รับได้ ก็เพียงพอที่จะให้แนะนำแล้วครับ

    [​IMG]
    [​IMG]

    วิวจากหน้าต่างห้อง ตึกตรงกลางคือสถานีรถไฟครับ
    [​IMG]

    รีวิวทั้งหมด ของทริปซากุระ 2015

    รีวิวKoboyama Park Matsumoto : เดินทางลำบาก

    ให้คะแนน:
    2/5,
    (แย่)
    ไม่ค่อยแนะนำสำหรับสวนแห่งนี้นะครับ เนื่องจากการเดินทางที่ค่อนข้างยุ่งยาก ขาไปอาจนั่งแท็กซี่ไปได้ แต่ขากลับหาแท็กซี่ยากมาก คือจะหาแท็กซี่ที่ขึ้นมาบนเขาคงยาก พอจะเดินลงเขาไปเองก็หลงอีก มีทางแยกหลายจุดดูแล้วงง อีกด้านหนึ่งของเขาเป็นถนนใหญ่ มีรถยนต์วิ่งเยอะ แต่ก็ไม่ค่อยมีแท็กซี่ ส่วนรถเมล์ผมไม่ได้หาข้อมูลมา ก็ไม่แน่ใจว่าจะมีหรือเปล่า และนั่งสายอะไร ถ้าใครจะนั่งรถเมล์ คงต้องศึกษาข้อมูลให้ดีก่อนนะครับ

    ตัวสวนตั้งอยู่บนเขาแต่ มีถนนให้รถวิ่งขึ้นมาถึงที่สวนเลย ไม่มีการเก็บค่าผ่านประตู ขนาดสวนไม่ใหญ่มาก เดินแป๊บเดียวก็หมด พวกเรามาถึงในช่วงที่ซากุระร่วงไปพอสมควรแล้ว แต่ดูทรงแล้วต่อให้มาช่วงพีค ก็ไม่น่าจะมีอะไรมากมาย เดินขึ้นเนินไปนิดหน่อยก็ถึงยอดบนสุดแล้วครับ จะเห็นตัวเมืองและเทือกเขา Japan Alps อยู่ด้านหลัง ส่วนตัวรู้สึกเฉยๆกับวิวนะครับ ไม่ได้น่าตื่นเต้นอะไรมากมาย

    ภาพวิวจากบนยอดเขาครับ
    [​IMG]

    ภาพภายในสวน อาจดูหลอกตาเหมือนซากุระเยอะ แต่จริงๆคือร่วงไปเยอะแล้วครับ
    [​IMG]

    รีวิวทั้งหมด ของทริปซากุระ 2015

    รีวิวเทศการชมซากุระ อุทยาน Takato : งามจับใจ

    ให้คะแนน:
    5/5,
    (สุดยอด)
    ข้อเด่น - เป็นจุดชมซากุระที่งดงามมาก
    ข้อด้อย - การเดินทางไปกลับใช้เวลามาก และต้องต่อรถหลายต่อ
    สวยงาม ประทับใจมากครับ ต้นซากุระเยอะมาก พวกเราโชคดีที่ไปในช่วงที่ยังพีคอยู่ เดินเข้าไป เจอดอกซากุระครึ้มไปหมดเลย (แต่จริงๆเทียบกับที่เห็นในโบชัวร์ ที่เราไปถือว่าร่วงไประดับนึงแล้วนะครับ ถ้าได้มาเร็วกว่านี้คงยิ่งฟินไปกันใหญ่)

    ที่ Takato จะบานช้ากว่าที่อื่นแม้ว่าจะอยู่ในภูมิภาคจูบุ คือราวกลางๆเดือนเมษานะครับ สาเหตุเพราะอยู่ในพื้นที่สูงของจังหวัด Nagano อากาศหนาวเย็นกว่าพื้นราบครับ

    ตัวสวนถือว่าไม่เล็กมาก แต่ใจก็อยากให้ใหญ่กว่านี้ จะได้ใช้เวลาอยู่ที่ให้นานๆหน่อย

    เรื่องการเดินทางมีความยุ่งยากนิดหน่อยตรงที่ต้องนั่งรถไฟถึง 2 ชั่วโมง แล้วต้องต่อรถบัสอีก ตรงต่อรถบัสนี่อาจเป็นปัญหา เพราะถ้าพลาดอาจต้องรอนาน อย่างไงก็เช็คตารางรถให้ดีก่อนนะครับ

    ถ้าอยากประหยัดเวลาเที่ยว แนะนำให้ออกแต่เช้ามืด หาซื้ออะไรไปกินบนรถไฟนะครับ เพราะใช้เวลาเดินทางจากเมืองมัตสึโมโตะค่อนข้างนาน

    ภายในมีการเปิดซุ้มขายอาหารด้วยแนะนำให้ลองชิมดูครับ อร่อยหลายอย่าง

    [​IMG]

    [​IMG]

    ดูภาพและข้อมูลเพิ่มเติม รวมถึงแหล่งชมซากุระอื่นๆ ในช่วงกลางเดือนเมษาได้ในกระทู้นี้ครับ: แนะนำจุดชมซากุระ สำหรับคนไปช่วงสงกรานต์

    รีวิวทั้งหมด ของทริปซากุระ 2015

    รีวิววิธีรับมือตัวเขมือบความตั้งใจในตัวคุณ : ชื่อไม่โดน แต่ เนื้อหาโดน

    ให้คะแนน:
    5/5,
    (สุดยอด)
    ข้อเด่น - อัดแน่นด้วยยุทธวิธีต่างๆในการเอาชนะใจตนเอง
    - ใช้ถ้อยคำที่อ่านง่าย นักแปลก็แปลดี
    - มีแต่เนื้อ ไม่มีน้ำ
    ข้อด้อย - หาไม่เจอ
    ครั้งแรกที่ผมเหลือบไปเห็นหนังสือเล่มนี้บนแผง สายตาผมก็กวาดผ่านไปอย่างรวดเร็ว เพราะชื่อมันดูธรรมดาๆ พวกหนังสือชื่อขึ้นต้น ด้วย วิธีอย่างนู้น วิธีอย่างนี้ มันมีเยอะแยะมากมายเต็มร้านหนังสือ แต่ว่าอย่าให้ชื่อมาบดบังเนื้อหาดีๆที่ซ่อนอยู่ในหนังสือเล่มนี้ครับ

    คำว่า "ตัวเขมือบความตั้งใจ" โดยส่วนตัวผมเองเรียกว่า "เจ้าตัวขี้เกียจ" กับ "เจ้าตัวขึ้แพ้" ซึ่งมันสิงสถิตอยู่ในตัวเรา ประหนึ่งพลังที่สิงสถิตกับอัศวินเจได แต่เจ้าตัวเขมือบจะคอยหยุดยั้งเราจากการลงมือทำสิ่งต่างๆที่เราตั้งใจอยากจะทำ หรือแม้จะลงมือทำแล้ว ก็ยังอุตส่าห์มาคอยบั่นทอนกำลังใจ และกล่อมให้เราเลิกล้มซะกลางคัน หนังสือเล่มนี้จะช่วยให้เรารู้ทันใจของเราเองมากขึ้น พร้อมทั้งแนะวิธีต่างๆนาๆที่จะรับมือกับมัน

    ตอนที่อ่านเนื้อหาที่บรรยายถึงนิสัยแย่ๆ ในตัวเรา บางทีผมรู้สึกอย่างกะว่าตัวเองเผลอไปเขียนสารภาพนิสัยตัวเองไว้ในหนังสือเล่มนี้ คือมันโดนหมดเลย มองในอีกแง่หนึ่ง การที่สามารถเขียนออกมาได้ขนาดนี้ ผมเชื่ออย่างสนิทใจเลยว่าผู้เขียนก็มีนิสัยแย่ๆ แบบเดียวกับผมนี่แหละ :ahaah: และยิ่งไปกว่านั้น ที่หน้าปกมีระบุ "หนังสือพัฒนาตนเองอันดับหนึ่งจากประเทศเยอรมันนี" ก็แสดงว่า ชาวเยอรมันที่ขึ้นชื่อในเรื่องความมีระเบียบวินัย ก็คงไม่ต่างจากคนส่วนใหญ่บนโลกนี้ สิ่งที่ต่างกันก็คงอยู่ที่พวกเค้ามีวิธีรับมือ "เจ้าตัวเขมือบ" ที่ดีกว่านั่นเอง

    ตัวอย่างหนึ่ง ที่ว่าช่วยทำให้เรารู้ทันใจของตัวเองมากขึ้น เช่น คำว่า "เอาไว้จะลดน้ำหนัก" "เอาไว้จะจัดห้อง" "เอาไว้จะ......นู่น นี่ นั่น" ในหนังสือระบุไว้เลยว่า ถ้าขึ้นต้นด้วย "เอาไว้จะ" แปลว่า "จะไม่มีวันได้ทำ" เพราะคำว่า "เอาไว้จะ" เป็นวิธีการที่แสนแยบยลของเจ้าตัวเขมือบที่ใช้หลอกตัวเราเอง เพื่อผัดผ่อนสิ่งที่เราตั้งใจจะทำออกไปเรื่อยๆอย่างไม่มีกำหนด วิธีการรับมือกับเรื่องนี้ก็คือ ต้องระบุเวลาที่ชัดเจนลงไปเลย ว่าจะเริ่มลงมือทำเมื่อไหร่

    นอกจากนี้หนังสือยังแนะวิธีการอื่นๆอีกมากมาย เช่น เมื่อตั้งใจจะทำอะไรแล้ว ให้ประกาศให้คนรอบตัวรู้ด้วย ซึ่งมันจะกลายเป็นข้อผูกมัดว่าเราต้องทำตามที่พูด (ไม่ทำก็เสียสุนัข) หรือการตั้งเป้าหมายอย่างค่อยเป็นค่อยไป ถ้ายากไปเราก็จะทำไม่ได้และท้อ แต่ถ้าง่ายไป มันก็จะไม่ท้าทาย น่าเบื่อ ให้เริ่มที่พอดีๆ แล้วค่อยขยับไปทีละระดับ

    หนังสือเล่มนี้เป็นหนังสือแปลจากเยอรมันเล่มแรกที่ผมเคยอ่าน เขียนออกมาในสไตล์ที่อ่านง่ายดี (คนแปลก็เก่ง) ตลอดเล่มอัดแน่นไปด้วยเนื้อหาที่มีประโยชน์ เรียกว่ามีแต่เนื้อ ไม่มีน้ำเลย ซึ่งตรงนี้ต่างจากหนังสือแปลของนักเขียนอเมริกันหลายท่าน ที่แม้จะมีประเด็นหลักที่น่าสนใจก็จริง แต่เขียนซะเป็นนวนิยายน้ำท่วมทุ่ง ทั้งๆที่ประเด็นเหล่านั้นเขียนรวมเป็นบทเดียวก็จบได้แล้ว

    คำถามสุดท้ายก็คือ อ่านหนังสือเล่มนี้จบแล้ว ทำให้ผมเปลี่ยนไปมั๊ย ผมว่า ผมลงมือทำอะไรทำมิอะไรมากขึ้นนะ แต่ก็ไม่ถึงกับหน้ามือเป็นหลังมือ (สงสัยต้องอ่านอีกหลายๆรอบ :sweeting:) ผมคิดว่าสุดท้ายแล้วก็ต้องอยู่ที่ตัวเองด้วยว่ามีความมุ่งมั่นแค่ไหน แต่ใครที่ถึงขั้นซื้อหนังสือเล่มนี้มาอ่านก็เชื่อว่าน่าจะมีใจอยู่ระดับหนึ่งแล้วล่ะครับ และอย่างน้อยๆ สิ่งที่ได้แน่ๆ คือรู้ทันเจ้าตัวเขมือบมากขึ้น เมื่อรู้ทันมากขึ้น มันก็ทำงานได้ยากขึ้นแน่นอนครับ
  • เกี่ยวกับ

    เป็นคนชอบใช้เวลาว่าง ดูหนัง ดูซีรีย์ เล่นเกมบ้างบางครั้งครับ แต่สิ่งที่ล่อเลี้ยงชีวิตอยู่ทุกวันนี้ก็คือการออกท่องเที่ยวปีล่ะ 1-2 ครั้ง ส่วนใหญ่ไปเที่ยวต่างประเทศมากกว่า เพราะอยากไปเห็นอะไรที่แตกต่างครับ

    เป็นคนช่างเลือกพอสมควร จะให้ 5 ดาวไม่ใช่เรื่องง่ายๆนะครับ ยกตัวอย่างเช่น สถานที่ๆว่าสวยนั้น ผมแบ่งเป็น 2 ระดับ คือระดับที่ๆความสวยรับรู้ได้แค่ตา และอีกระดับคือความสวยนั้นรู้สึกเข้าไปถึงใจเลย ซึ่งการเยี่ยมเยือนสถานที่เหล่านี้นี่แหละครับคือช่วงเวลาที่แสนวิเศษของชีวิต

    รสนิยมการท่องเที่ยวคือวางแผนและไปกันเอง ไปกับพี่สาวและคุณพ่อเป็นส่วนใหญ่ เมื่อออกทริปหลายๆครั้ง เราก็เริ่มรู้จักรสนิยมของตัวเองมากขึ้น คือนอกจากจุดหมายต้องสวยจับใจแล้ว การเดินทาง ที่พักก็ต้องสะดวกสบายด้วยครับ มันถึงจะสามารถเติมเต็มให้เป็นประสบการณ์ที่น่าจดจำ อย่างไรก็ตามเรายังเลือกที่จะท่องเที่ยวอย่างประหยัดด้วย ทริปแต่ละครั้งของเราถูกกว่าไปกับทัวร์แน่นอนครับ