1. นี่มันเว็บอะไรกัน??? ทำความรู้จักคร่าวๆกับ รีวิวบุรี คลิกเลย

Mr.001

ผู้ว่าฯรีวิวบุรี

ผู้ดูแลเมือง
Mr.001 เคลื่อนไหวล่าสุด:
2 พฤศจิกา 2020
  • แนะนำหนังสือ

    รีวิวชีวิตดีขึ้นทุกๆด้าน ด้วยการจัดบ้านแค่ครั้งเดียว : จัดบ้านฮาร์ดคอร์

    ให้คะแนน:
    5/5,
    (สุดยอด)
    ข้อเด่น - เหมือนมีเวทมนต์ให้ตัดใจทิ้งของไม่จำเป็นได้ง่ายขึ้น
    ข้อด้อย - หลายประเด็นทำตามได้ยาก
    ช่วงที่หนังสือเล่มนี้วางแผงใหม่ๆ ผมมองแล้วก็เดินผ่านไปอย่างรวดเร็ว คำว่า "จัดบ้าน" มันทำให้โยงไปว่าเป็นหนังสือสำหรับ "แม่บ้าน" แมนๆอย่างผม ซื้อไปนี่เสีย self หมด (แม้ว่าจริงๆแล้วก็รำคาญห้องรกๆของตัวเองอยู่ก็ตาม) แต่ทุกครั้งที่เดินผ่านผมก็ต้องหยุดมองมันทุกที เพราะคำว่า "ชีวิตดีขึ้นทุกๆด้าน" นี่เอง สุดท้ายก็ลองซื้อมาอ่านดู

    ประโยชน์แรกที่พบคือ อ่านแล้วเหมือนต้องมนต์สะกด อะไรที่เมื่อก่อนเสียดาย ทิ้งไม่ลง ตอนนี้เอาบริจาคไปบ้าง ทิ้งไปบ้าง เยอะเลย

    นอกจากนี้ปรัชญาในหนังสือยังนำมาใช้กับชีวิตในด้านอื่นได้ด้วย เช่น ทรัพย์สินบางอย่างที่มันไม่ก่อให้เกิดรายได้ มีแต่จะทำให้เปลืองค่าดูแลรักษาไปเรื่อยๆ ผมก็เริ่มตัดใจขายทิ้งไปบ้าง

    แต่ถามว่าชีวิตเปลี่ยนมั๊ย มันก็คล้ายๆเดิมแหละครับ ไม่ได้ไปไหนไกล (ได้ข้อคิดในการใช้ชีวิตเพิ่มนิดหน่อย) ส่วนหนึ่งอาจเป็นเพราะไม่สามารถทำตามที่หนังสือ 100% เพราะเป็นการจัดบ้านแนวฮาร์ดคอร์จริงๆ

    ฮาร์ดคอร์อย่างไง? ยกตัวอย่างเช่น เค้าจะบอกว่าให้เอาของในหมวดเดียวกันทั้งบ้าน (ขอย้ำว่าทั้งบ้านจริงๆ ไม่ให้ทำทีละห้อง) ลงมากองรวมกันให้หมด ไม่มียกเว้นแม้แต่ชิ้นเดียว จากนั้นให้เลือกเอาเฉพาะชิ้นที่ต้องการขึ้นมา ที่เหลือทิ้งหมด โหดมั๊ยล่ะ :sweeting:

    ยังไม่พอ วิธีการที่จะเลือกว่าเอาชิ้นไหน สมมติว่าเป็นหนังสือ เค้าบอกว่าไม่ให้เปิดดูนะ ให้จับขึ้นมา หลับตา แล้วถ้าสัมผัสได้ถึงความรู้สึกที่ดีถึงเอาเก็บไว้ เอ่อ...พอดีจิตสัมผัสผมยังไม่กล้าแข็งขนาดนั้นอ่ะครับ ผมก็ต้องเลือกเล่มที่คิดว่าอาจจะยังมีประโยชน์ในอนาคตเก็บไว้แทน

    แม้ว่าแนวทางบางอย่างอาจเกินเลยไปบ้างสำหรับปุถุชนธรรมดาอย่างเรา แต่โดยสรุปแล้วผมก็ได้แรงบันดาลใจ และกำจัดข้าวของที่รกรุงรังออกไปจากชีวิตได้เยอะมากเหมือนกันครับ ดังนั้นแนะนำครับสำหรับหนังสือเล่มนี้ ชีวิตอาจไม่ดีขึ้นทุกด้านเหมือนชื่อหนังสือ แต่อย่างน้อยก็น่าจะดีขึ้นซักด้านนะครับ

    รีวิวกล้าที่จะถูกเกลียด : โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน

    ให้คะแนน:
    4/5,
    (แนะนำ)
    ข้อเด่น - ให้แง่คิดในหลายๆเรื่อง ที่ทำให้รู้เท่าทันตนเองมากขึ้น
    - รูปแบบการเขียนอ่านง่ายเหมือนนวนิยาย
    ข้อด้อย - หลายๆประเด็น ต้องตีความ ความหมายของผู้เขียนอย่างระมัดระวัง
    - ประเด็นต่างๆมีการโยงต่อกันไปเรื่อยๆ อาจทำให้สับสนได้
    - มีความสับสน และขัดแย้งกันเองในบางประเด็น
    เล่มนี้เปิดมาก็สร้างความประหลาดใจด้วยการเข้าเนื้อหาตั้งแต่หน้าแรกเลย พออ่านไปซักพักจึงจะเจอสารบัญ ส่วนคำนำเค้าเอาไปใส่ไว้ตอนท้ายแล้วเรียก “บทส่งท้าย” แทน

    รูปแบบการเขียนก็ใช้เทคนิคเหมือนเขียนนิยาย ที่เริ่มเรื่องด้วย ชายหนุ่มเลือดร้อนบุกไปหานักปราชญ์ที่มีแนวคิดแปลกๆ(ในสายตาของชายหนุ่ม) ถึงที่บ้าน แนวคิดที่ว่าก็คือโลกนี้เรียบง่าย ทุกคนไม่จำเป็นต้องมีความทุกข์ และสามารถมีความสุขได้ตั้งแต่วันนี้ ชายหนุ่มประกาศว่าจะหักล้างแนวคิดนี้ให้จงได้ หากทำไม่ได้จะยอมคุกเข่าขอเป็นศิษย์ของนักปราชญ์ แต่หากหักล้างได้จะขอให้นักปราชญ์คุกเข่าให้เขาแทน จากนั้นผู้เขียนก็เริ่มถ่ายทอดเนื้อหาต่างๆผ่านบทสนทนาระหว่าง ชายหนุ่ม กับ นักปราชญ์

    การเริ่มเรื่องที่เร้าใจแบบนี้ ไม่แปลกใจเลยที่หนังสือเล่มนี้ติดอันดับหนังสือขายดี

    แต่...ช้าก่อน การที่ผู้เขียนใช้เทคนิคการเขียนที่แหวกแนวแบบนี้ ความจริงแล้วไม่ใช่ทางเลือก แต่เป็นความจำเป็นอย่างยิ่ง อันเนื่องมาจากเนื้อหาที่ค่อนข้างขัดกับความความคิดของหลายๆคน ถ้าเขียนแบบหนังสือพ็อกเก็ตบุ๊คทั่วไปมีหวังขายไม่ออกแน่ๆ ตัวละครชายหนุ่มในหนังสือก็จะคอยทำหน้าที่เป็นปากเป็นเสียงแทนคนอ่านในยามที่นักปราชญ์นำเสนอแนวคิดที่ขัดใจอย่างสุดขั้ว “บ้าไปแล้ว ใครจะคิดแบบนั้น” “ไม่จริงครับ อย่างไงก็ไม่จริงแน่นอน” “เหลวไหลสิ้นดี” ฯลฯ คำพูดเหล่านี้ของชายหนุ่ม เป็นการระบายความรู้สึกแทนผู้อ่าน ซึ่งเป็นสิ่งที่ทำให้ผู้อ่านยังทนอ่านต่อไปได้ นี่จึงถือเป็นการใช้จิตวิทยาในการเขียนหนังสือที่มีชั้นเชิงทีเดียว

    เนื้อหาเกี่ยวกับอะไร
    ก็ว่าด้วยว่าแนวคิดว่า ความสุข ความทุกข์ เกิดจากอะไร


    อ่านต่อ...

    รีวิววิธีรับมือตัวเขมือบความตั้งใจในตัวคุณ : ชื่อไม่โดน แต่ เนื้อหาโดน

    ให้คะแนน:
    5/5,
    (สุดยอด)
    ข้อเด่น - อัดแน่นด้วยยุทธวิธีต่างๆในการเอาชนะใจตนเอง
    - ใช้ถ้อยคำที่อ่านง่าย นักแปลก็แปลดี
    - มีแต่เนื้อ ไม่มีน้ำ
    ข้อด้อย - หาไม่เจอ
    ครั้งแรกที่ผมเหลือบไปเห็นหนังสือเล่มนี้บนแผง สายตาผมก็กวาดผ่านไปอย่างรวดเร็ว เพราะชื่อมันดูธรรมดาๆ พวกหนังสือชื่อขึ้นต้น ด้วย วิธีอย่างนู้น วิธีอย่างนี้ มันมีเยอะแยะมากมายเต็มร้านหนังสือ แต่ว่าอย่าให้ชื่อมาบดบังเนื้อหาดีๆที่ซ่อนอยู่ในหนังสือเล่มนี้ครับ

    คำว่า "ตัวเขมือบความตั้งใจ" โดยส่วนตัวผมเองเรียกว่า "เจ้าตัวขี้เกียจ" กับ "เจ้าตัวขึ้แพ้" ซึ่งมันสิงสถิตอยู่ในตัวเรา ประหนึ่งพลังที่สิงสถิตกับอัศวินเจได แต่เจ้าตัวเขมือบจะคอยหยุดยั้งเราจากการลงมือทำสิ่งต่างๆที่เราตั้งใจอยากจะทำ หรือแม้จะลงมือทำแล้ว ก็ยังอุตส่าห์มาคอยบั่นทอนกำลังใจ และกล่อมให้เราเลิกล้มซะกลางคัน หนังสือเล่มนี้จะช่วยให้เรารู้ทันใจของเราเองมากขึ้น พร้อมทั้งแนะวิธีต่างๆนาๆที่จะรับมือกับมัน

    ตอนที่อ่านเนื้อหาที่บรรยายถึงนิสัยแย่ๆ ในตัวเรา บางทีผมรู้สึกอย่างกะว่าตัวเองเผลอไปเขียนสารภาพนิสัยตัวเองไว้ในหนังสือเล่มนี้ คือมันโดนหมดเลย มองในอีกแง่หนึ่ง การที่สามารถเขียนออกมาได้ขนาดนี้ ผมเชื่ออย่างสนิทใจเลยว่าผู้เขียนก็มีนิสัยแย่ๆ แบบเดียวกับผมนี่แหละ :ahaah: และยิ่งไปกว่านั้น ที่หน้าปกมีระบุ "หนังสือพัฒนาตนเองอันดับหนึ่งจากประเทศเยอรมันนี" ก็แสดงว่า ชาวเยอรมันที่ขึ้นชื่อในเรื่องความมีระเบียบวินัย ก็คงไม่ต่างจากคนส่วนใหญ่บนโลกนี้ สิ่งที่ต่างกันก็คงอยู่ที่พวกเค้ามีวิธีรับมือ "เจ้าตัวเขมือบ" ที่ดีกว่านั่นเอง

    ตัวอย่างหนึ่ง ที่ว่าช่วยทำให้เรารู้ทันใจของตัวเองมากขึ้น เช่น คำว่า "เอาไว้จะลดน้ำหนัก" "เอาไว้จะจัดห้อง" "เอาไว้จะ......นู่น นี่ นั่น" ในหนังสือระบุไว้เลยว่า ถ้าขึ้นต้นด้วย "เอาไว้จะ" แปลว่า "จะไม่มีวันได้ทำ" เพราะคำว่า "เอาไว้จะ" เป็นวิธีการที่แสนแยบยลของเจ้าตัวเขมือบที่ใช้หลอกตัวเราเอง เพื่อผัดผ่อนสิ่งที่เราตั้งใจจะทำออกไปเรื่อยๆอย่างไม่มีกำหนด วิธีการรับมือกับเรื่องนี้ก็คือ ต้องระบุเวลาที่ชัดเจนลงไปเลย ว่าจะเริ่มลงมือทำเมื่อไหร่

    นอกจากนี้หนังสือยังแนะวิธีการอื่นๆอีกมากมาย เช่น เมื่อตั้งใจจะทำอะไรแล้ว ให้ประกาศให้คนรอบตัวรู้ด้วย ซึ่งมันจะกลายเป็นข้อผูกมัดว่าเราต้องทำตามที่พูด (ไม่ทำก็เสียสุนัข) หรือการตั้งเป้าหมายอย่างค่อยเป็นค่อยไป ถ้ายากไปเราก็จะทำไม่ได้และท้อ แต่ถ้าง่ายไป มันก็จะไม่ท้าทาย น่าเบื่อ ให้เริ่มที่พอดีๆ แล้วค่อยขยับไปทีละระดับ

    หนังสือเล่มนี้เป็นหนังสือแปลจากเยอรมันเล่มแรกที่ผมเคยอ่าน เขียนออกมาในสไตล์ที่อ่านง่ายดี (คนแปลก็เก่ง) ตลอดเล่มอัดแน่นไปด้วยเนื้อหาที่มีประโยชน์ เรียกว่ามีแต่เนื้อ ไม่มีน้ำเลย ซึ่งตรงนี้ต่างจากหนังสือแปลของนักเขียนอเมริกันหลายท่าน ที่แม้จะมีประเด็นหลักที่น่าสนใจก็จริง แต่เขียนซะเป็นนวนิยายน้ำท่วมทุ่ง ทั้งๆที่ประเด็นเหล่านั้นเขียนรวมเป็นบทเดียวก็จบได้แล้ว

    คำถามสุดท้ายก็คือ อ่านหนังสือเล่มนี้จบแล้ว ทำให้ผมเปลี่ยนไปมั๊ย ผมว่า ผมลงมือทำอะไรทำมิอะไรมากขึ้นนะ แต่ก็ไม่ถึงกับหน้ามือเป็นหลังมือ (สงสัยต้องอ่านอีกหลายๆรอบ :sweeting:) ผมคิดว่าสุดท้ายแล้วก็ต้องอยู่ที่ตัวเองด้วยว่ามีความมุ่งมั่นแค่ไหน แต่ใครที่ถึงขั้นซื้อหนังสือเล่มนี้มาอ่านก็เชื่อว่าน่าจะมีใจอยู่ระดับหนึ่งแล้วล่ะครับ และอย่างน้อยๆ สิ่งที่ได้แน่ๆ คือรู้ทันเจ้าตัวเขมือบมากขึ้น เมื่อรู้ทันมากขึ้น มันก็ทำงานได้ยากขึ้นแน่นอนครับ
  • เกี่ยวกับ

    เป็นคนชอบใช้เวลาว่าง ดูหนัง ดูซีรีย์ เล่นเกมบ้างบางครั้งครับ แต่สิ่งที่ล่อเลี้ยงชีวิตอยู่ทุกวันนี้ก็คือการออกท่องเที่ยวปีล่ะ 1-2 ครั้ง ส่วนใหญ่ไปเที่ยวต่างประเทศมากกว่า เพราะอยากไปเห็นอะไรที่แตกต่างครับ

    เป็นคนช่างเลือกพอสมควร จะให้ 5 ดาวไม่ใช่เรื่องง่ายๆนะครับ ยกตัวอย่างเช่น สถานที่ๆว่าสวยนั้น ผมแบ่งเป็น 2 ระดับ คือระดับที่ๆความสวยรับรู้ได้แค่ตา และอีกระดับคือความสวยนั้นรู้สึกเข้าไปถึงใจเลย ซึ่งการเยี่ยมเยือนสถานที่เหล่านี้นี่แหละครับคือช่วงเวลาที่แสนวิเศษของชีวิต

    รสนิยมการท่องเที่ยวคือวางแผนและไปกันเอง ไปกับพี่สาวและคุณพ่อเป็นส่วนใหญ่ เมื่อออกทริปหลายๆครั้ง เราก็เริ่มรู้จักรสนิยมของตัวเองมากขึ้น คือนอกจากจุดหมายต้องสวยจับใจแล้ว การเดินทาง ที่พักก็ต้องสะดวกสบายด้วยครับ มันถึงจะสามารถเติมเต็มให้เป็นประสบการณ์ที่น่าจดจำ อย่างไรก็ตามเรายังเลือกที่จะท่องเที่ยวอย่างประหยัดด้วย ทริปแต่ละครั้งของเราถูกกว่าไปกับทัวร์แน่นอนครับ