1. นี่มันเว็บอะไรกัน??? ทำความรู้จักคร่าวๆกับ รีวิวบุรี คลิกเลย

แชร์ประสบการณ์ แนะนำจุดชมซากุระ สำหรับคนไปช่วงสงกรานต์

หัวข้อกระทู้ ใน 'อำเภอชอบเที่ยว' เริ่มโพสต์โดย Mr.001, 27 มกรา 2016.

  1. Mr.001

    Mr.001 ผู้ว่าฯรีวิวบุรี ผู้ดูแลเมือง

    ซากุระในแถบ ตั้งแต่โตเกียวถึงเกียวโต ซึ่งคนส่วนใหญ่นิยมไปเที่ยวกันนั้น ปกติจะบานสวยที่สุดประมาณปลายเดือนมีนา ถึงต้นเดือนเมษา แต่ช่วงวันหยุดยาวของคนไทยคือสงกรานต์จะไปอยู่กลางเดือนเมษา เหมือนนรกชังหรือสวรรค์แกล้ง กว่าน้องอังจะเปิดใจ พี่โกก็จะจากไปซะแล้ว :desperate2: หลายคนจึงมักมีคำถามว่าช่วงสงกรานต์ไปดูซากุระที่ไหนดี ก็มักได้คำแนะนำจากผู้รู้ว่าขึ้นเหนือซิ แถบโทโฮขุ หรือ ฮอกไกโด ผมเองเมื่อปีที่แล้ว (ปี 58) ก็ตกอยู่ในสถานการณ์เดียวกันครับ คือตอนแรกก็กะจะไปเที่ยวช่วงต้นเดือนเมษาเหมือนกันแหละ แต่ปรากฏว่าจองที่พักไม่ทัน ใครที่จะไปชมซากุระช่วงพีค แนะนำให้จองที่พักแต่เนิ่นๆนะครับ โดยเฉพาะคนที่ไปเป็นหมู่คณะหลายคน ที่พักยิ่งจองยากครับ ผมจองตั้งแต่ต้นเดือน ม.ค. ที่อื่นไม่เท่าไหร่ แต่ที่เกียวโตเต็มหมดแล้วครับ แต่ผมก็ไม่อยากขึ้นไปทางเหนือ เพราะไม่ค่อยมีข้อมูลที่เที่ยวทางแถบนั้น สุดท้ายก็เลือกอีกทางเลือกที่ผู้รู้เค้าแนะนำ คือ ถ้าไม่ขึ้นเหนือ ก็ให้ขึ้นที่สูง (เพราะที่อากาศเย็นกว่า ซากุระก็จะบานช้ากว่า) กระทู้นี้ผมจึงขอเสนอทางเลือกอีกทาง ก็คือเที่ยวอยู่แถวๆ ระหว่าง โตเกียว กับ เกียวโตนี่แหละ แต่ขึ้นไปที่สูงแทน ผมคงต้องใช้เวลาค่อยๆ อัพเดทกระทู้หน่อยนะครับ เพราะวันๆผมมีอะไรต้องทำตั้งหลายอย่างครับ (ไหนจะต้องเล่นเกม ไหนจะต้องดูหนัง แล้วยังต้องนอนกลางวัน กับเดินช้อปปิ้งอีก 555 ล้อเล่นนะครับ)

    ก่อนอื่นเลย อยากบอกว่าที่เกียวโตมีชมซากุระสำหรับคนที่ไปสายอยู่หลายที่เหมือนกัน ดูในหน้าเว็บของ japan-guide.com ข้างล่างครับ
    Where to see cherry blossoms if you missed them in Kyoto?
    แต่สถานที่ส่วนใหญ่หน้าเว็บข้างบน ไปช่วงสงกรานต์ก็อาจสายไปแล้วนะครับ ถ้าไปซักประมาณวันจักรี น่าจะกำลังดี

    ส่วนที่ที่ผมกำลังจะแนะนำต่อไปนี้จะเป็นสถานที่ๆบานช้าไปอีกระดับนึง ช่วงสงกรานต์น่าจะมีโอกาสพอสมควร

    1.สวน Haradani-en (Kyoto)
    ไม่ค่อยได้ยินคนไทยพูดถึงสวนนี้เลย อาจเป็นเพราะซากุระที่สวนนี้จะบานช้า (อาจช้าที่สุดในเกียวโตก็ได้ เพราะอยู่บนเขา อีกทั้งการเดินทางไม่ได้สะดวกเท่าไหร่) ผมเองก็ได้รู้จักกับสวนนี้จากรายงานสถานการณ์ซากุระของ japan-guide.com พอได้ไปเห็นของจริงก็ไม่ผิดหวังครับ สวยมากๆ แม้ว่าวันที่พวกเราไปเที่ยวฝนจะตกพร่ำๆ ตลอด ทำให้การถ่ายภาพเป็นไปอย่างทุลักทุเลก็ตาม แต่ความสวยของซากุระสายพันธุ์สีชมพูที่หาดูได้ยาก (ส่วนใหญ่ที่เห็นจะเป็นพันธุ์สีขาว) ก็ทำให้พวกเราตื่นเต้นจนลืมเรื่องฝนไปเลย บนความโชคร้ายจากฝน ก็มีความโชคดี ที่เรามาช่วงเวลาที่ซากุระบานเต็มที่พอดี มองไปจะเห็นสีชมพูแน่นไปหมด ขนาดของสวนใหญ่ระดับกลางๆ แต่เดินไปสองสามก้าวก็ต้องหยุดถ่ายรูป ทำให้ใช้เวลาอยู่ที่นี่เป็นชั่วโมงเหมือนกันครับ

    รูปในกระทู้นี้ผมอัพขนาดเต็มจอไว้ คลิกหรือ นิ้วแตะที่รูป เพื่อย่อ-ขยายรูปได้ครับ
    Haradani-en2.jpg
     
  2. Mr.001

    Mr.001 ผู้ว่าฯรีวิวบุรี ผู้ดูแลเมือง

    ภายในสวนมีที่ให้ซื้อขนม มานั่งกินชมซากุระด้วย แต่ตอนที่พวกเราไปถูกนั่งเต็มไปหมดแล้ว แนะนำให้มาเช้าหน่อยครับ ผมจินตนาการว่าถ้าฝนไม่ตก และได้มานั่งดื่มชาไป กินขนมไป ชมซากุระไป คงฟินน่าดู

    จะมีจัดวางที่ให้นั่งชมซากุระเป็นจุดๆ พอดีฝนตกอยู่ และจุดนี้ไม่มีที่กันฝน
    Haradani-en1.jpg
    ซากุระที่สวนนี้จะบานค่อนข้างช้านะครับ วันที่เราไปคือวันที่ 14 เมษา ขณะที่ปีนั้นจุดอื่นๆที่เกียวโต ถ้าจำไม่ผิดพีคตั้งแต่วันที่ 2-3 เมษา ดังนั้นคนที่ไปช่วงสงกรานต์มีโอกาสมากเลยครับ ไปถึงลองสอบถามกับ Touris Info ที่สถานีรถไฟเกียวโตดูก่อนก็ได้ครับ ว่าซากุระที่สวนนี้เป็นอย่างไงในช่วงที่ไป
     
  3. Mr.001

    Mr.001 ผู้ว่าฯรีวิวบุรี ผู้ดูแลเมือง

    Haradani-en3.jpg

    เรื่องการเดินทางก็เป็นอีกประเด็นนึง คือ ไม่ค่อยมีรถสาธารณะผ่านจุดนี้ รถไฟไม่มีแน่นอน เห็นว่ามีรถเมล์สายนึงแต่รอนาน ข้อมูลส่วนใหญ่ในเน็ตจึงแนะนำให้นั่งแท็กซี่กันครับ เนื่องจากพวกผมซื้อบัตร Kansai Thru Pass จึงทำให้สามารถเดินทางด้วยรถไฟไปถึงวัด Ninnaji ซึ่งเป็นจุดที่ซากุระบานช้าเหมือนกัน (แต่ตอนเราไปก็ร่วงไปเยอะแล้วครับ) แล้วนั่งแท็กซี่จากจุดนี้ ถ้าจำไม่ผิดรู้สึกจะ 800 เยนนะครับ ถ้าใครไปวัด Kinkakuji (วัดทอง) ก็ใกล้เหมือนกัน แต่อย่างไงแนะนำให้มาเที่ยวสวนก่อนค่อยกลับมาเที่ยววัดดีกว่านะครับ เพราะที่สวนถ้าซากุระบานพอดีคนญี่ปุ่นเองก็แห่กันไปเหมือนกัน
     
  4. Mr.001

    Mr.001 ผู้ว่าฯรีวิวบุรี ผู้ดูแลเมือง

    Haradani-en5.jpg

    ตอนขากลับไม่ต้องกลัวไม่มีรถนะครับ คนญี่ปุ่นที่มาเที่ยวส่วนใหญ่ก็รู้สึกจะนั่งแท็กซี่มา ดังนั้นขากลับก็ต้องแท็กซี่เช่นกัน ทำให้มีแท็กซี่มารอรับผู้โดยสารจำนวนมาก จะมีคิวอยู่ที่หน้าสวนครับ
     
  5. Mr.001

    Mr.001 ผู้ว่าฯรีวิวบุรี ผู้ดูแลเมือง

    ชมภาพเพิ่มเติมครับ

    Haradani-en6.jpg Haradani-en7.jpg Haradani-en8.jpg
     
  6. Mr.001

    Mr.001 ผู้ว่าฯรีวิวบุรี ผู้ดูแลเมือง

    Haradani-en-map.jpg
    จากแผนที่จะเห็นว่าที่ตั้งของสวน มีวัดต่างๆ เช่น Ninna-ji, Ryoan-ji และ Kinkaku-ji ล้อมอยู่ด้านล่าง จึงสามารถจัดทริปรวมกับวัดเหล่านี้ได้เลย

    ใครที่เคยไปเที่ยวแล้ว ช่วยกันเขียนรีวิวสวนนี้ได้ที่นี่ครับ
     
    แก้ไขล่าสุดเมื่อ: 27 มกรา 2016
  7. Mr.001

    Mr.001 ผู้ว่าฯรีวิวบุรี ผู้ดูแลเมือง

    ข้อมูลเพิ่มเติมครับ

    ที่อยู่

    36 Okita-yama, Haradani Inui-cho, Kita-ku, Kyoto
    Tel: 075 461 2924

    เวลาทำการ: 9.00 - 17.00 น.
    ค่าบัตร: ผู้ใหญ่ 1200 เยน , วันเสาร์อาทิตย์ และวันหยุด1500 เยน
    เว็บไซต์: 原谷苑・青山荘・村岩農園公式ホームページ 京都 桜
     
  8. Mr.001

    Mr.001 ผู้ว่าฯรีวิวบุรี ผู้ดูแลเมือง


    2. อุทยานประวัติศาสตร์ปราสาท Takato (Nagano)



    Takato1.jpg

    ผมเคยพบข้อมูลจากเว็บไซต์แห่งหนึ่ง (จำไม่ได้) ระบุ 3 สุดยอดจุดชมซากุระในญี่ปุ่น คือ

    1. เขา Yoshino ที่จังหวัด Nara ซึ่งความจริงเราก็ไป เพราะที่นี่ก็ถือเป็นจุดซากุระก็บานช้าเหมือนกัน แต่ตอนที่พวกเราไปมันร่วงไปเยอะแล้ว แต่ก็เห็นเค้าความงามอยู่ ถ้ามาช่วงพีคน่าจะสวยมากนะครับ ใครไปแถวนั้นในช่วงจังหวะเหมาะ ก็อย่าลืมลองแวะไปดูนะครับ

    2. ปราสาท Hirosaki ในจังหวัด Aomori ติดกับฮอกไกโดนู่น พวกเราไม่มีแผนไปไกลขนาดนั้น ขอผ่านก่อนครับ ไว้คราวหน้า

    3. ก็คืออุทยาน Takato นี่แหละครับ อยู่ในจังหวัด Nagano ความจริงแล้วเค้าเรียกว่าซากปราสาท (Takato Castle Ruin Park) แต่ตอนที่เราไปเรายังไม่เห็นซากตรงไหนเลยนะ เห็นแต่สวน หรือพวกเรายังเดินไม่ครบก็ไม่รู้นะ
     
  9. Mr.001

    Mr.001 ผู้ว่าฯรีวิวบุรี ผู้ดูแลเมือง

    Takato2.jpg

    การมาเที่ยวที่นี่ ผมว่าควรมาพักที่เมืองมัตสึโมโตะ จะสะดวกที่สุดนะครับ แล้วใช้เมืองนี้เป็นฐาน ในการไปท่องเที่ยวที่ต่างๆในจังหวัด Nagano ครับ

    โดยมัตสึโมโตะ สามารถเดินทางได้สะดวก (ต่อรถไฟอย่างมาก 1 ครั้ง) ทั้งจาก โตเกียว เกียวโต และทะเลสาป Kawaguchi-ko ใช้เวลาประมาณ 3 ชั่วโมงหมดเลยครับ ถ้าจากโตเกียวนั่งรวดเดียวถึงเลย แต่จาก เกียวโต กับ คาวางูจิโกะ ต้องต่อรถ 1 ครั้ง
     
  10. Mr.001

    Mr.001 ผู้ว่าฯรีวิวบุรี ผู้ดูแลเมือง

    Takato3.jpg

    บางท่านเวลาไปเที่ยวแถบคันไซแล้วอยากไปเที่ยวคาวางูจิโกะต่อเลย การเดินทางยุ่งยากพอสมควรครับ ต่อรถหลายรอบทั้งรถไฟ รถบัส (แต่ละครั้งที่ต่อรถหมายถึงการยกและลากกระเป๋า เหนื่อนะครับ) และใช้เวลาเดินทางนานมาก หรือไม่ก็ต้องนั่งรถ Night Bus ซึ่งไม่ใช่สไตล์ของผมครับ กลางคืนควรจะนอนสบายๆอยู่ในห้องพักมากกว่า ตื่นเช้ามาจะได้มีแรงเที่ยว เวลาเดินทางควรเป็นช่วง สายๆถึงบ่ายๆ ที่แสงแดดแรงๆ เที่ยวที่ไหนก็ไม่ได้บรรยากาศ ถ่ายรูปก็ไม่สวย ผมจึงเห็นว่าควรเอาช่วงเวลานี้มาเดินทางมากที่สุดครับ ดังนั้นการแวะพักที่มัตสึโมโตะก่อน เที่ยวรอบ แล้วค่อยไปคาวางูจิโกะ จึงเป็นทางเลือกที่ลงตัวมากสำหรับผม
     
  11. Mr.001

    Mr.001 ผู้ว่าฯรีวิวบุรี ผู้ดูแลเมือง

    Takato4.jpg

    สำหรับการเดินทางจากสถานี มัตสึโมโตะ มาที่สวนปราสาท Takato ก็ต้องนั่งรถไฟประมาณ 2 ชั่วโมงมาลงที่สถานี Inashi (ต้องเปลี่ยนรถไฟ 1 ครั้ง ลองหาใน Hyperdia ดูนะครับ) แล้วต่อรถบัสอีก 20 นาทีครับ เรื่องรถบัสนี่ต้องดูตารางเวลาดีๆนะครับ แต่ละเที่ยวห่างกันเป็นชั่วโมง ตอนพวกผมไปเดิมก็ไปสายอยู่แล้ว ยังต้องรอรถบัสอีกเป็นชั่วโมง พอดี เจอพี่คนไทยอีก 2 ท่านจะไปเหมือนกัน เลยแชร์ค่าแท็กซี่ไปกันเลย ค่าแท็กซี่ 4000 เยนครับ

    แต่การขึ้นแท็กซี่ไปก็มีข้อเสียข้อนึงนะครับ คือขากลับเราจะไม่รู้ว่าต้องไปขึ้นรถบัสอย่างไง ตอนก่อนเข้าผมก็อุตส่าห์ดูตารางรถบัสขากลับไว้ดิบดี พอจะไปขึ้นรถ เจ้าหน้าที่บอกขึ้นไม่ทันแล้ว เราก็งง ก็มันยังไม่ถึงเวลา เจ้าหน้าที่ที่คุมคิวก็สื่อสารภาษาอังกฤษแทบไม่ได้เลย แต่เค้าก็พยายามอธิบายอย่างสุดชีวิตนะครับ สรุปก็คือ คิวรถบัสที่เรากำลังต่อแถวอยู่มันยังไม่ใช่ มันแค่พาไปสถานนีรถบัส แล้วเราต้องนั่งรถจากสถานีรถบัสนี้ไปที่สถานีรถไฟอีกทอดนึง ส่วนตารางเวลาที่ผมดูไว้ ก็คือเวลารถที่ออกจากสถานีรถบัสนี้แหละครับ เจ้าหน้าที่เค้าคงพยายามบอกว่า อย่างไงก็ไปไม่ทันแล้ว
     
  12. Mr.001

    Mr.001 ผู้ว่าฯรีวิวบุรี ผู้ดูแลเมือง

    Takato5.jpg

    ความจริงนอกจากมาลงที่ สถานี Inashi เห็นว่าลงที่สถานี Chino ก็ได้ ซึ่งจะถึงก่อนสถานี Inashi และไม่ต้องเปลี่ยนรถไฟด้วย แต่ต้องนั่งรถบัสนานกว่า ดูข้อมูลใน japan-guide.com ข้างล่างครับ
    Takato Castle Travel Guide

    อนึ่ง โปรดสังเกตว่าในหน้าของ japan-guide ข้างบน เค้าจะพูดถึงนั่งรถบัสจากสถานีรถไฟไปยัง Takato Bus Station แล้วเดินต่ออีกหลายนาทีไปยังอุทยาน ซึ่งความจริงทางอุทยานจะมีรถรับส่งจากตรง Takato Bus Station นี้ด้วย โดยถ้านั่งรถใช้เวลา 5 นาที

    สำหรับตารางรถระหว่างสถานี Inashi กับ Takato Bus Station ผมค้นเจอเว็บข้างล่างครับ
    Takato Bus Station

    แต่เนื่องจากสถานี Inashi Train Station ไม่ใช่สถานีปลายทาง ตอนดูเวลาต้องกดเข้าไปจนแสดงเส้นทางแบบรูปข้างล่าง (สังเกตที่ผมทำกรอบสีแดงไว้)
    Takato-Bus-Schedule.jpg

    จำตัวอักษรภาษาญี่ปุ่นของชื่อสถานีไว้ก็ดีครับ เวลาไปอ่านที่ป้ายจะได้พอหาได้

    ส่วนตารางรถจาก Chino หาไม่เจอครับ อย่างไง ก็ลองสอบถามกับ Tourist Info ที่สถานีรถไฟมัตสึโมโตะดูก็ได้ครับ

    เวลาค้นหาตำแหน่งที่ตั้งของอุทยาน Takato ใน Google Map ให้ค้นด้วย "Takatojoshi Park" นะครับ ไม่งั้นจะหาไม่เจอ
     
  13. Mr.001

    Mr.001 ผู้ว่าฯรีวิวบุรี ผู้ดูแลเมือง

    Takato6.jpg

    มาเที่ยวที่นี่ก็แนะนำให้มาแต่เช้าๆเลยครับ เพราะต้องใช้เวลาเดินทางเยอะ ถ้าตื่นแต่เช้ามืด ก็อาจพอมีเวลาไปเที่ยวที่อื่นต่อ แต่ถ้ามาสายทั้งวันก็คงได้ที่นี่ที่เดียวครับ
     
  14. Mr.001

    Mr.001 ผู้ว่าฯรีวิวบุรี ผู้ดูแลเมือง

    รูปสุดท้ายครับ
    Takato7.jpg
     
  15. Mr.001

    Mr.001 ผู้ว่าฯรีวิวบุรี ผู้ดูแลเมือง

    ของแถมอีกนิด ที่นี่มีเปิดซุ้มขายอาหารกันด้วยครับ ซึ่งก็อร่อยๆอยู่หลายเจ้า ไม่ควรพลาดนะครับ

    อย่างเช่นอันข้างล่างนี้ เป็นเนื้ออะไรชุบแป้งทอดไม่รู้ อร่อยดีครับ เห็นคนต่อคิวซื้อกัน ผมว่ามันอร่อยตรงน้ำจิ้มนี่แหละ
    Takato8.jpg

    ส่วนปลาย่างนี่ ห้ามพลาดเด็ดขาด อร่อยมากกกก สด เนื้อเลยหวาน หอม


    Takato9.jpg

    ก่อนจะไปต่อสถานที่ต่อไป ฝากท่านที่เคยไปเที่ยวที่นี่มาแล้วเข้าไปเขียนรีวิวให้ด้วยครับ: รีวิว เทศการชมซากุระ อุทยาน Takato

    ส่วนที่เมืองมัตสึโมโตะความจริงเราได้ไปเยี่ยมชมอีก 2 ที่ครับ คือ Koboyama กับ ปราสาทมัตสึโมโตะ
    Koboyama นั้นไม่แนะนำครับ ส่วนปราสาท ถ้าไหนๆไปแล้ว ก็น่าแวะหน่อย ดูรายละเอียดได้ตามที่ทำรีวิวไว้ครับ

    รีวิว ปราสาทมัตสึโมโตะ
    รีวิว Koboyama Park

    ส่วนที่พักที่เมือง มัตสึโมโตะก็แนะนำ ตามข้างล่างครับ
    รีวิว โรงแรม Toko City Matsumoto
     
  16. Mr.001

    Mr.001 ผู้ว่าฯรีวิวบุรี ผู้ดูแลเมือง

    3. ทะเลสาบ Kawaguchi

    sunnide-resort-cottage8.jpg

    ขอเริ่มด้วยรูปจากที่พักของพวกเรา ที่ Kawaguchi-ko , โรงแรม Sunnide Resort: Cottage ผมทำรีวิวโดยละเอียดไว้ที่ link ข้างล่างครับ
    รีวิว โรงแรม Sunnide Resort: Cottage

    การเดินทางมา Kawaguchi-ko พวกเรานั่งรถไฟมาจากมัตสึโมโตะใช้เวลาประมาณ 3 ชั่วโมง ถ้ามาจากโตเกียว ก็พอๆกันครับ
     
  17. Mr.001

    Mr.001 ผู้ว่าฯรีวิวบุรี ผู้ดูแลเมือง

    DSC04325.JPG

    แต่ซากุระที่นี้จะไม่ได้มีแบบรวมกันเยอะๆ แต่จะปลูกเป็นหย่อมๆ ต้องชมฟูจิเป็นอาหารหลัก แล้วมีซากุระเป็นกับแกล้มครับ

    ใครที่จะมาเที่ยว Kawaguchi-ko แนะนำให้มาพัก 1 คืนนะครับ ตอนช่วงที่พวกเราไป ฟูจิเค้าจะโผล่มาเฉพาะช่วงเช้าๆกับเย็นๆ รูปแรกข้างบนถ่ายประมาณ 6 โมงเช้า ส่วนรูปนี้ ถ่ายตอนประมาณ 7 โมงกว่า ฟูจิเริ่มมีหมวกแล้ว พอสายๆเมฆก็บังเกือบหมดแล้วครับ (อาหารจานหลักของผมนะนั่น :depressed:) ถ้าใครกะมาเช้าเย็นกลับช่วงนั้นพอดี ก็เป็นอันจบกัน

    ส่วนตัว ผมว่าฟูจิถ่ายรูปไม่ขึ้นนะ สิ่งหนึ่งที่รูปส่วนใหญ่ไม่สามารถถ่ายทอดได้คือความรู้สึกอลังการ ความยิ่งใหญ่ของเค้า ต้องไปดูของจริงครับ เชื่อผม
     
  18. Mr.001

    Mr.001 ผู้ว่าฯรีวิวบุรี ผู้ดูแลเมือง

    DSC04347.JPG

    สำหรับทำเลที่พักที่พักที่นี่ก็ต้องดูเป็นฝั่ง ทิศใต้ กับ ทิศเหนือของทะเลสาบ

    ทิศใต้ จะอยู่ตรงกลางระหว่างทะเลสาบกับฟูจิ ดังนั้นไม่มีทางที่จะได้เห็นวิวฟูจิพร้อมทะเลสาบจากห้องพักแน่นอน ก็จะเป็นข้อด้อยของฝั่งนี้ แต่ข้อดีคือ มีร้านอาหาร ร้านมินิมาร์ท คึกคัก หากินง่าย สถานีรถไฟก็อยู่ฝั่งนี้ การเดินทางก็สะดวก

    ถ้าพักทางฝั่งทิศเหนือ ก็จะได้เห็นวิวภูเขาฟูจิพร้อมทะเลสาบอยู่ด้านหน้า เป็นภาพที่งดงามมาก โดยเฉพาะถ้าสภาพอากาศเป็นแบบช่วงที่พวกเราไป คือฟูจิโผล่มาเฉพาะช่วงเช้าๆ กับช่วงเย็นๆ ใครที่กะว่าพักฝั่งใต้แล้วนั่ง Retro Bus มาชมวิวฝั่งเหนือ ก็หมดสิทธิ์ครับ Retro Bus รอบแรกกว่าจะมาถึงฝั่งเหนือก็เลย 9.30 แล้ว

    แต่ทางฝั่งเหนือก็จะมีข้อเสียที่ไม่ค่อยมีร้านอาหาร มินิมาร์ท อาหารก็อาจต้องกินกับโรงแรม ซึ่ง แพง หรือไม่ก็วางแผนดีๆ ซื้อข้าวกล่องจากทางฝั่งใต้มากินแทน
     
  19. Mr.001

    Mr.001 ผู้ว่าฯรีวิวบุรี ผู้ดูแลเมือง

    DSC04352.JPG
    สำหรับ ทะเลสาบ Kawaguchi นี่ความจริงก็ไม่ได้หวังอะไรมาก เพราะก่อนขึ้นเครื่องจากเมืองไทย ผมดูรายงานสถานการณ์ซากุระแล้ว กำลังจะเลยช่วงพีคอยู่แล้ว แต่ตอนนั้นผมต้องไปเกียวโต กับ นางาโนะ อีก กว่าจะมาถึงที่นี่ก็ ก็ปาเข้าไป 4-5 วันแล้ว คิดว่าคงร่วงหมดแล้ว ที่ไหนได้ ปีนั้นอากาศหนาวปกคลุมแถบนี้นาน พอมาถึงเห็นซากุระอยู่ในสภาพที่ดีที่สุดของทริปเลยครับ หลายต้นยังมีดอกขึ้นเป็นพวงแน่นๆอยู่เลย
     
  20. Mr.001

    Mr.001 ผู้ว่าฯรีวิวบุรี ผู้ดูแลเมือง

    DSC04370.JPG

    ความจริงพวกเรากะมาเที่ยวทะเลสาบทั้ง 5 เลย เลยค้าง 2 คืน พร้อมเช่ารถขับเอง

    ถ้าถามว่ามาเที่ยว Kawaguchi-ko ทะเลสาบเดียว ต้องเช่ารถมั๊ย ผมว่าไม่ต้องหรอกครับ นั่ง Retro Bus ก็ได้

    Retro Bus อาจมีข้อเสียตรงที่ออกช้า เริ่มรอบแรก 9 โมง กว่าจะมาถึงฝั่งด้านเหนือของทะเลสาบก็ 9 โมงครึ่งล่ะ ก็ไม่เป็นไรครับ เช้าๆ เราก็ตื่นขึ้นมาเดินเล่นถ่ายรูปฟูจิที่แถวๆหน้าโรงแรมก่อน แล้วก็กลับไปกินข้าว พอใกล้เวลา ค่อยออกมารอรถก็ได้ครับ

    ส่วนขับรถเอง ก็มีข้อเสียที่ต้องหาที่จอด แล้วพอเดินถ่ายรูปเสร็จ ก็ต้องเดินกลับมาที่รถอีก

    ข้อมูลราคา และ ตารางเวลาครับ (สำหรับ Kawaguchi-ko สายสีแดงนะครับ)
    Retro Bus/Omni Bus - FUJIKYUKO BUS
     

แบ่งปันหน้านี้