แผนเที่ยวนี้ช่วยท่านได้มากน้อยแค่ไหนอย่างไร อย่าลืมส่ง feedback กลับมาบ้างนะครับ ถ้ามีประโยชน์จะได้มีกำลังใจทำต่อครับ และหากท่านใดเห็นว่าควรปรับปรุงแผนตรงส่วนไหนก็โพสต์ไว้ได้เลยครับ เพราะแต่ละคนมีเงื่อนไขที่แตกต่างกัน ส่วนกรณีท่านใดมีแผนที่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง ก็อยากให้ทำเป็นแผนใหม่ไปเลยดีกว่าครับ Spoiler: ว่าด้วยการแชร์แผนเที่ยว การเที่ยวเอง เป็นวิธีที่เราจะเก็บเกี่ยวความสุขจากการท่องเที่ยวได้อย่างเต็มที่ แต่ปัญหาของการเที่ยวเอง คือการวางแผน เมื่อเทียบกับระยะเวลาที่ใช้ในการเที่ยวจริง ผมพบว่าส่วนวางแผนบริโภคเวลาไปเยอะกว่าหลายเท่าตัว ผมจึงคิดมาตลอดว่า ทำไมเราไม่เอาแผนที่เราใช้ไปเรียบร้อยแล้ว มาปัดฝุ่น ปรับปรุงนิดหน่อย แก้ไขส่วนผิดพลาดที่เราพบเจอมา แล้วเอามาแชร์กัน สำหรับคนอื่นก็จะเป็นการประหยัดเวลาอย่างมาก สำหรับตัวเราเองก็จะรู้สึกคุ้มค่าขึ้นกับเวลาที่เราใช้ไปกับการวางแผน ดังนั้นผมอยากเชิญชวนทุกๆคนมาช่วยกันแชร์แผนเที่ยวด้วยกันนะครับ จะละเอียดมากน้อย ก็แล้วแต่เวลาที่มีเลยครับ อย่างน้อยแค่บอกว่าแต่ละวันไปไหนบ้าง ก็พอจะเป็นโครงร่างให้ไปค้นคว้าต่อได้ครับ ที่มาที่ไปของแผน ก่อนอื่น ทำความเข้าใจกับรสนิยมการเที่ยวของผมก่อนนะครับ ผมเป็นคนนิยมทิวทัศน์ธรรมชาติที่งดงาม อลังการ ไม่ค่อยชอบเที่ยวพวกเมือง ไม่เน้นซื้อของ ไม่เน้นชิมอาหาร (แต่ถ้าเจอของอร่อยก็ดี) ดังนั้นในแผนนี้จะเห็นว่าผมใส่ Furano (ฟูราโนะ) - Bie (บิเอะ) เข้าไปด้วย และเป็นไฮไลท์ที่ห้ามพลาด สองเมืองนี้คนส่วนใหญ่จะมองว่าสำหรับเที่ยวหน้าดอกไม้บานมากกว่า ส่วนหน้าหนาวก็คิดว่าสำหรับคนเล่นสกีเท่านั้น ผมเล่นสกีไม่เป็น แต่กลับรู้สึกว่าถ้าขาด Furano - Bie ไป ทริปนี้ “พัง” ครับ ที่จริงถ้าย้อนเวลากลับไปได้ ผมจะตัด Sapporo กับ Otaru ออกจากโปรแกรมเลยด้วยซ้ำ แล้วไปเที่ยวทางแถบตะวันออกของฮอกไดโด แถว Kushiro แทน ซึ่งเป็นแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติเหมือนกัน แต่ก็เข้าใจว่าคงยากสำหรับหลายๆท่านที่จะทำใจตัดสองเมืองสุดฮิตนี้ออก ดังนั้นก็เลยทำแผนแบบกลางๆไว้ ด้วยรสนิยมส่วนตัวที่ว่ามาข้างต้น ผมตัด Hakodate ออกนะครับ เพราะดูจากรีวิวแล้วก็เป็นแนวเมืองเหมือนกัน และอยู่ไกลออกมาทางซ้ายของ Sapporo อยู่พอสมควร ในเมื่อผมเลือกที่จะไป Furano - Bie ที่อยู่ทางขวา ผมจึงตัด Hakodate ทิ้งไปครับ ดังนั้นแผนนี้จะเหมาะสำหรับคนที่รักการท่องเที่ยวทิวทัศน์ธรรมชาติ เที่ยวฮอกไกโดครั้งแรก เลยยังทำใจตัด Sapporo กับ Otaru ออกไม่ได้ครับ ทริปนี้เลือกไปเที่ยวช่วงต้นเดือน ก.พ. นะครับ เป็นช่วงที่มีเทศกาลหิมะ+น้ำแข็ง ที่เค้าเลือกจัดงานช่วงนี้เพราะส่วนใหญ่ช่วงนี้อากาศดี ซึ่งก็เหมาะกับการเที่ยวที่อื่นๆในฮอกไกโดด้วย (แต่เอาเข้าจริง มันก็แล้วแต่ดวงนะครับ สภาพอากาศเอาแน่เอานอนไม่ได้) สำหรับท่านที่กำลังจะไปญี่ปุ่นด้วยตนเองครั้งแรกอาจต้องทำการบ้านเพิ่มเติมบ้างนะครับ เพราะคงไม่สามารถใส่รายละเอียดทั้งหมดไว้ในแผน สำหรับเส้นทาง ตารางเวลา ค่าตั๋วของรถไฟ ใช้เว็บ Hyperdia.com นะครับ การเดินทางเลือกใช้ Hokkaido Rail Pass 7 วัน แต่เนื่องจากเราเที่ยว 10 วัน ดังนั้นจะเริ่มใช้ Pass ในวันที่ 3-9 ซึ่งเป็นวันที่มีการเดินทางด้วยรถไฟระยะไกลๆ จะทำให้คุ้มค่าที่สุดครับ การเดินทางในเมื่อง Furano หากต้องการประหยัด แนะนำให้ใช้ Lavender Bus ดูรีวิว แผนนี้แนะนำให้ใช้บริการส่งกระเป๋าระหว่างโรงแรมใน Sapporo กับ Furano โดยที่ Sapporo เน้นว่าควรพักที่โรงแรม Shin Sapporo Arc City Hotel ทั้งหมดนี้จะทำให้การเดินทางสะดวกสบายขึ้นอย่างมาก โดยไม่ต้องลากกระเป๋าออกนอกอาคารเลยตลอดทั้งทริป แต่หากต้องการประหยัด ก็อาจพิจารณาลากกระเป๋าเองช่วงขากลับ ซึ่งคงไม่ได้เหนื่อยมากเหมือนตอนขาไป เนื่องจากขาไปจะต้องไปแวะเปลี่ยนโรงแรมหลายที่ การส่งกระเป๋าระหว่างโรงแรม ถ้าเราส่งวันนี้ตอนเช้า กระเป๋าจะไปถึงโรงแรมปลายทางพรุ่งนี้ตอนเย็น ดังนั้นต้องเตรียมเสื้อผ้าใส่กระเป๋าเล็กสำหรับอย่างน้อย 1 คืนติดตัวไว้ครับ สำหรับการท่องเที่ยวแถบ Furano - Biei - Asahikawa อยากให้ลองดูคลิปใน YouTube ค้นหา Majide Japan (ไม่มี X ต่อท้ายนะ) Ep 50 ถึง 54 จะได้แรงบันดาลใจ และข้อมูลแหล่งเที่ยว กิจกรรมอื่นๆ อีกด้วยครับ วันที่ 1 เดินทาง กรุงเทพ - ซัปโปโร สำหรับ สายการบิน เนื่องจากเราจะบินไปลงซัปโปโรเลย ดังนั้นแนะนำให้เลือกสายการบินที่ไม่ใช่ของญี่ปุ่นนะครับ ไม่ได้รังเกียจสายการบินญี่ปุ่นนะครับ แต่เป็นเหตุผลด้านความสะดวก ดูรายละเอียดได้ใน รีวิวสายการบิน JAL ครับ ที่พักแนะนำ: โรงแรม Shin Sapporo Arc City Hotel (เน้นโรงแรมนี้สำหรับทั้งขาไป และขากลับนะครับ เหตุผลดูใน รีวิวของโรงแรมนี้ ครับ) หาจองได้ที่เว็บ japanican ครับ การเดินทาง: นั่งรถไฟจากสนามบิน ลงที่สถานี Shin Sapporo (ถึงก่อนสถานี Sapporo 1 สถานี) ใช้เวลาประมาณครึ่งชั่วโมง รถไฟเส้นนี้ตอนดึกๆ คนยังเยอะครับ ตู้ non-reserved มีโอกาสเต็มหมด สำหรับ สว และเด็ก ที่คิดว่ายืนครึ่งชั่วโมงไม่ไหว จองที่นั่งเพิ่มอีกคนละ 500 กว่าเยนไปเลยครับ มีที่วางกระเป๋าในตู้สบายๆด้วย วันที่ 2 ซัปโปโร 1.มื้อเช้าหาราเมงง่ายๆกินในตึก Shin Sapporo ก่อนครับ 2. ก่อนอื่นให้ไปที่สถานี JR ทำการแลกตัว Hokaido Pass แต่ระบุวันที่เริ่มเดินทางเป็นวันพรุ่งนี้ แล้วทำการจองที่นั่งรถไฟ ที่จะเดินทางไป โนโบริเบทซึ กับ ทะเลสาบโทยะในวันที่ 4 (วันมะรืน) ไว้ก่อน เนื่องจากขบวนนี้เต็มเร็ว 3. เริ่มเที่ยว นั่ง JR ไปที่สถานี Sapporo จุดแรกที่ควรไปเที่ยวคือ ขึ้นไปชมวิวเมืองซัปโปโรจากมุมสูงที่ JR Tower Observation Deck T38 ซึ่งอยู่ที่สถานีรถไฟซัปโปโรนั่นเอง ดูรูปวิวได้จาก [รีวิวเมืองซัปโปโร] ครับ จากสถานี Shin Sapporo ก็นั่งรถไฟมาสถานีเดียวครับ (รถไฟบนดินนะครับ ไม่ใช่ subway) จากนั้นระหว่างทางที่เดินไปสวน Odori ก็จะผ่าน ตึกที่ว่าการหลังเก่าของเมืองซัปโปโร สีแดง ถ่ายรูปออกมาสวยดีครับ เดินทางต่อไปสวน Odori เพื่อเที่ยว Sapporo Snow Festival อาหารกลางวัน อาหารเย็น มากินที่นี่ได้เลย ร้านขายอาหารสำหรับนักท่องเที่ยวเยอะมาก เที่ยวไปชิมไปเรื่อยๆ คาดว่าน่าจะมาถึงที่นี่บ่ายๆแล้ว ช่วงบ่ายก็เดินเที่ยวที่นี่จนถึงเย็น ซึ่งเค้าจะมีเปิดไฟประดับ ก็จะเป็นอีกอารมณ์นึง เที่ยวเสร็จแล้ว จะกลับโรงแรมไม่ต้องเดินกลับไปที่สถานี JR นะครับ ให้หาสถานี subway Odori นั่งสาย Tozai มาลงที่ Shin Sapporo พอถึงก็ออกทางออก 5 ครับ ดูรายละเอียดเพิ่มเติมใน รีวิวโรงแรม Shin Sapporo Arc City Hotel นะครับ อ่านรีิวิวเมืองซัปโปโร อ่านรีวิวงาน Sapporo Snow Festival วันที่ 3 โอตารุ เริ่มใช้ Hokkaido Pass วันนี้ วันนี้อาหารเช้าอาจไปกินที่ตลาดโจไก สำหรับคนกินบุฟเฟ่ต์ไม่คุ้ม ที่นี่น่าจะเป็นที่ที่กินปูทาราบะได้ถูกที่สุดแล้ว เวลาเลือกร้าน ให้เปรียบเทียบดีๆเรื่องน้ำหนักปูกับราคาที่เค้าเรียก ร้านใหญ่ที่คนไปกันเยอะรู้สึกแพง ขณะเดียวกัน ร้านที่อยู่ในตรอกลึกก็ใช่ว่าจะถูกเสมอไป ร้านริมถนนเนี่ยแหละ ดูว่าร้านไหนถูกสุดก็ร้านนั้น กว่าจะกินข้าวเสร็จคิดว่าอาจจะสายๆแล้ว เดินทางไปเที่ยวโอตารุ อย่าลืมรอช่วงเย็นไปถ่ายรูปที่บริเวณคลอง กลับมาเตรียมแพ็คกระเป๋าใส่ เตรียมเสื้อผ้าใส่กระเป๋าใบเล็กสำหรับ 2 คืนข้างหน้า ส่วนกระเป๋าใบใหญ่พรุ่งนี้เช้าจะฝากส่งไปที่โรงแรมที่ Furano เลย อนึ่ง หากต้องการเดินทางท่องเที่ยวแบบสบายๆชิลๆ การส่งกระเป๋าไป Furano เป็นเรื่องสำคัญที่ห้ามละเลย เพราะอีก 3 คืนข้างหน้าจะเปลี่ยนโรงแรมตลอด บางจุดต้องนั่งแท็กซี่ไปโรงแรมซึ่งจะวางกระเป๋าใบใหญ่ไม่ได้ และต่อให้เป็นโรงแรมที่อยู่ใกล้กับสถานีรถไฟ การลากกระเป๋ากลางหิมะก็เป็นเรื่องที่ทุลักทุเลเอาการ อ่านรีวิวเมืองโอตารุ วันที่ 4 โนโบริเบทซึ - ทะเลสาบโทยะ เช็คเอ้าท์เสร็จแล้ว จัดการฝากส่งกระเป๋าไปที่โรงแรมใน Furano (ให้พนักงานโรงแรมช่วยเขียนที่อยู่ภาษาญี่ปุ่นให้ แต่ต้องเอามตรวจดูเองอีกครั้ง) เดินทางไปเที่ยว หุบเขานรก โนโบริเบทซึ (ด้วยตั๋วที่จองตั้งแต่วันที่ 2) ที่สถานีรถไฟโนโบริเบทซึ น่าจะมีล็อกเกอร์ให้ฝากสัมภาระได้ หากไม่มี ขึ้นรถไปลงที่เมือง โนโบริเบทซึออนเซ็น ที่นั่นมี Tourist Info และมีบริการรับฝากของครับ ช่วงบ่าย เดินทางต่อไปทะเลสาบโทยะ (ด้วยตั๋วที่จองต้้งแต่วันที่ 2) เข้าเช็คอินโรงแรม แล้วเดินเที่ยวบริเวณทะเลสาบ ตกเย็นแชร์ออนเซน แล้วรับประทานอาหารเย็น ที่พักแนะนำ: Toya Kanko Hotel (ดูรีวิว) โรงแรมมีรถส่งไปที่สถานีรถไฟทุกวัน ควรจองเวลากับโรงแรมให้เรียบร้อย รีวิวหุบเขานรก โนโบริเบทซึ (Jigokudani Noboribetsu) รีวิวทะเลสาบโทยะ รีวิวโรงแรม Toya Kanko Hotel
วันที่ 5 Asahikawa Snow Fest ช่วงเช้าตื่นเช้าหน่อย เพื่อจะมีเวลาเข้าออนเซนอีกรอบ รับประทานอาหารเช้าแล้วเดินทางไปสถานีรถไฟ เดินทางไป Asahikawa (ด้วยตั๋วที่จองตั้งแต่วันที่ 2) ซึ่งจะไปเปลี่ยนขบวนที่ Sapporo จากจุดนี้จนถึง Asahikawa วิวข้างทางจะสวยมาก อย่าหลับนะครับ ถึง Asahikawa เข้า Tourist Info สอบถามรถบัสรับส่งฟรีไป Snow Fest ว่าขึ้นที่ไหน รวมถึงรถบัสที่จะไป Asahikawa Zoo วันพรุ่งนี้ด้วย เช็คอินที่พัก เพื่อเก็บสัมภาระ แล้วนั่งรถบัสฟรี หรือนั่งแท็กซี่ไปเที่ยวงาน Winter Festival ทานอาหารเย็นภายในงาน (แนะนำราเม็งที่นี่ อร่อย) เดินกลับมางานน้ำแข็งแกะสลัก (เป็นถนนคนเดิน ทอดยาวจนถึงสถานีรถไฟ) กลับเข้าที่พักได้พอดี ที่พักแนะนำ โรงแรม Route Inn Grand Asahikawa Ekimae รีวิวเส้นทางรถไฟ Sapporo - Asahikawa รีวิวเทศกาล Asahikawa Winter Festival รีวิวโรงแรม Route Inn Grand Asahikawa Ekimae วันที่ 6 Asahikawa Zoo วันนี้จะเดินทางไปเที่ยว Asahikawa Zoo ใช้เวลาเที่ยวเกือบทั้งวัน โดยนั่งรถบัสจากบริเวณหน้าสถานีรถไฟ คนเยอะคิวยาวมาก ถ้าเห็นแถวยาวๆ ก็คือใช่เลย ถ้าไม่แน่ใจเข้าไปถาม Tourist Info ภายในสถานีรถไฟได้ ค่าตั๋วชำระตอนลงรถ ทานอาหารกลางวันภายในสวนสัตว์ ช่วงบ่ายๆนั่งรถกลับมาที่สถานีรถไฟ หาร้านราเม็งตำหรับ Asahikawa ชิมดูซักร้าน นั่งรถไฟไป Furano ที่พักแนะนำ Edel Warme (ต้องนั่งแท็กซี่จากสถานีรถไฟ) รีวิวสวนสัตว์ Asahikawa Zoo รีวิวโรงแรม Edel Warme วันที่ 7 Furano ** วันนี้เป็นไฮไลท์ ช่วงเช้าไปล่องแพยางในแม่น้ำ Sorashi (นัดไกด์มารับที่โรงแรม) ล่องเรือเสร็จ ให้คุณไกด์พากลับมาทานอาหารแถวสถานีรถไฟ Furano ในสถานีรถไฟมีร้านโซบะราคาถูกๆ รสชาติพอประทังชีวิตได้ แต่รอบๆสถานีก็มีร้านอาหารที่น่าสนใจอยู่หลายร้าน ลองเข้า google map แล้วดูรีวิวดูนะครับ สนใจร้านไหนให้คุณไกด์ช่วยโทรสอบถามว่าเปิดหรือเปล่าก่อนก็ได้ครับ กะเวลาให้ดีเพื่อรับประทานอาหารเสร็จกลับไปขึ้นรถ Lavender เพื่อ ช่วงบ่ายจะได้ไปขึ้น Ropeway ขึ้นไปชมวิวด้านบนของลานสกีที่ New Furano Prince Hotel เที่ยวเสร็จก็รอรถ Lavender กับโรงแรม รีวิวทัวร์ล่องแม่น้ำใน Furano รีวิว Furano Ropeway วันที่ 8 Biei ส่งกระเป๋าใบใหญ่กลับไปที่โรงแรม Shin Sapporo Arc City Hotel (เตรียมเสื้อผ้าสำหรับคืนนี้เก็บไว้ 1 คืน) นั่งรถไฟไป Biei ระหว่างทางทิวทัศน์สวยมาก เตรียมกล้องไว้ให้ดีๆ ถึง Biei ไปติดต่อเช่าแท็กซี่เพื่อเที่ยวชม Patchwork Road ช่วงบ่ายกลับมา Furano เที่ยว เดินถ่ายรูปในเมือง (บริเวณริมแม่น้ำ) Spoiler: จุดเดินเที่ยวถ่ายรูป โปรแกรมนี้ตอนที่ไปเที่ยวเอง ไม่ได้ทำนะครับ เพียงแต่ตอนที่ไกด์พานั่งรถตู้เพื่อจะไปล่องแม่น้ำ ระหว่างทางรู้สึกเมือง Furano สวยมากเลย ต้นไม้ขาวโพลนไปหมด เหมือนหลุดเข้าไปอีกโลกนึง อยากลงรถไปเดินถ่ายรูปจริงๆ ซึ่งตอนนั้นก็ไม่รู้ทิศรู้ทางอะไรเลย แต่พอมาดูในแผนที่หาจุดที่มีต้นไม้เยอะ ก็จะเป็นบริเวณริมแม่น้ำนี่แหละ บวกกับการที่ตอนนั้นเรากำลังจะไปล่องแม่น้ำ ยิ่งมั่นใจว่าน่าจะใช่ อีกจุดนึงคือสวนสาธารณะ Asahigaoka ซึ่งก็อยู่ใกล้ๆกัน ดูตามแผนที่ด้านล่างที่ผมวงไว้ คือที่ผม "เดา" ว่าน่าจะเหมาะกับการเดินเล่นถ่ายรูปครับ รีวิวเส้นทางรถไฟ Biei - Furano รีวิว Biei Patchwork Road วันที่ 9 เดินทางกับซับโปโร (Shin Sapporo) มีเวลาครึ่งวันสำหรับซื้อของฝาก วันที่ 10 เดินทางกลับกรุงเทพ ค่าใช้จ่าย ขอให้ข้อมูลแบบคร่าวๆนะครับ เพราะบางอย่างไม่ได้จด และจำไม่ได้แล้ว รวมค่าใช้จ่ายทั้งหมด ประมาณ 7 หมื่นบาท เกินนิดๆ ต่อคน (ไม่รวมช้อปปิ้งนะครับ) เป็นค่าตั๋วเครื่องบิน 24,160 บาทต่อคน (JAL) (ถ้าจองแต่เนินๆ ได้สายการบินจีนที่ไปต่อเครื่องเซี่ยงไฮ้ ราคาเหลือแค่า 15,xxx) ค่าที่พัก 9 คืน 18,982 บาทต่อคน Hokkaido Rail Pass 7200 บาทต่อคน โปรแกรมล่องแม่น้ำ Furano 2000 กว่าบาทต่อคน ค่าจ้างแท็กซี่ที่บิเอะ คนละ 1000 กว่าบาทต่อคน นอกนั้นก็เป็นค่าอาหาร ค่าตัวรถบัส รถไฟ (วันที่ไม่ได้ใช้ pass) ค่าบัตรเข้าสถานที่ต่างๆ คิดว่าตัวแปรก็จะมีตรงค่าตั๋วเครื่องบิน กับ ที่พักที่อาจไม่ได้พักที่เดียวกัน หรือราคาที่พักเดิมมีการเปลี่ยนแปลง ก็เอา 7 หมื่นลบของเดิมออก แล้วบวกของใหม่เข้าไปก็จะได้งบคร่าวๆแล้วครับ ส่วนอื่นๆถ้าเที่ยวตามโปรแกรมก็น่าจะเท่าๆกันครับ การปรับแผน กระชับแผน วันที่ 8 ช่วงเย็น สามารถเดินทางกลับซัปโปโรวันนี้เลย (แต่อาจไม่ได้ชมวิวสวยๆข้างทาง) แล้วเดินทางกลับวันที่ 9 เลย แต่ทริปอาจดูเร่งรีบไปหน่อย ขยายแผน หากชอบแนวธรรมชาติ อาจไปเที่ยวต่อทางตะวันออกของฮอกไกโด เช่น Kushiro ความจริงเดิมผมก็จะไปต่อทางนั้น แต่พอดีตอนนั้นเกิดเหตุพายุถล่ม ทำทางรถไฟเสียหาย ทำให้การเดินทางจาก Furano ไป Kushiro ไม่ค่อยสะดวกจึงตัดทิ้ง เพิ่ม Hakodate คนที่ยังอยากเที่ยว Hakodate อาจพิจารณาบินลงที่เมือง Hakodate เลย แล้วเที่ยวทะเลสาบ Toya, Noboribetsu จนมาถึง Hokkaido Tips เพิ่มเติมในการเที่ยวฮอกไกโดหน้าหนาว เตรียมเสื้อกันหนาวอุ่นๆ เสื้อขนเป็ดเลยดีที่สุด ส่วนตัวผม ตอนที่ไปคิดว่าจะใช้วิธีใส่หลายๆชั้น แต่เอาเข้าจริงค่อนข้างวุ่นวาย เวลาเข้าภายในอาคาร หรือรถไฟ จะมีฮีทเตอร์ ต้องถอดออหลายตัว และพอถึงเวลาเย็นๆ ถ้ายังอยู่ข้างนอก จะเริ่มทนหนาวไม่ไหว ลองจอนอย่าใช้แบบคอตั้งหรือเต่า เอาคอกลมธรรมดา แล้วใช้ผ้าพันคอแทน เพราะเวลาเข้าอาคารแล้วร้อนจะได้เอาออกได้ ถุงมือแบบเปิดนิ้ว หรือ แบบที่ใช้มือถือโดยไม่ถอดได้ จะเป็นประโยชน์อย่างมาก เพราะระหว่างเดินบางทีต้องเปิด google map เดินดูทางไป ถ้าถอดถุงมือออกมันหนาวจนปวด ทรมานครับ อุปกรณ์กันลื่นที่รัดเข้ากับรองเท้า ซึ่งหาซื้อได้ง่ายตาม mini mart แต่ไม่ค่อยทน ใช้ๆไปปุ่มจะหลุดไปเรื่อยๆ ซื้อเตรียมไว้อย่างน้อยคนละ 3 ชุด และหมั่นตรวจตราว่าหลุดไปกี่ปุ่มแล้ว รับประทานอาหารให้ตรงเวลา หมั่นเข้าร้านซื้อของกิน เพราะเวลาท้องว่างจะทนหนาวไม่ไหว